การให้กับคู่ชีวิต สิ่งของ ช่วยยามยากลำบาก โดยไม่เกี่ยง ไม่ตำหนิกันและกัน
https://youtu.be/L83rY3HMbuM
ตากล้อง80ยายบิ้ง78
พิงค์ ลำพระเพลิงแต่งให้ภรรยา,รักคนบนฟ้า.
ภรรยาที่แสนดีขำๆ
อยู่อย่างไรเมื่อแม่ของลูกตาย
ระยะห่าง
.¸.•*´¨ ทรายในกำมือ...
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะออกเรือน มารดาจึงพานางมาไหว้พระเสี่ยงเซียมซีที่วัด จากนั้นก็มากราบคารวะพระอาจารย์เซน
ผู้เป็นแม่ถามว่า "ลูกสาวของข้ากำลังจะแต่งงาน แต่งงานไปแล้ว นางจะมีความสุข ชีวิตรักหวานชื่น ราบรื่นดีหรือไม่?"
พระอาจารย์ยิ้มๆ แล้วพูดกับหญิงที่เป็นแม่ว่า
"โยมลองกอบทรายสักกำมือหนึ่ง แล้วกำไว้ในมือ"
อาจารย์เซนหันไปถามหญิงสาวว่า...
โยมเห็นทรายในมือแม่ไหม ตอนนี้มันเป็นอย่างไร
หญิงสาวตอบว่า มันพูนๆ เต็มฝ่ามือ ดูสมบูรณ์ดีเจ้าค่ะ
อาจารย์เซนหันไปบอกผู้เป็นแม่ว่า..
โยมลองบีบมือกำทรายให้แน่นๆ สิ ผู้เป็นแม่ทำตาม
ออกแรงบีบทรายในมือจนแน่น ทรายหลุดร่วงออกมาจากร่องมือของนาง ครั้นคลายมือออกทรายที่อยู่เต็มกำมือ ตอนนี้เหลืออยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
หญิงสาวมองดูทรายในมือแม่แล้วพยักหน้าเหมือนเข้าใจ
พระอาจารย์เซนพูดอย่างเมตตาว่า...
"ใครๆ ก็อยากมีชีวิตรักที่หวานชื่นสมบูรณ์ หากปรารถนาเช่นนั้นจริง ก็ต้องเรียนรู้ศาสตร์และศิลป์ของระยะห่าง
จงเห็นความรักเป็นเหมือนทรายในกำมือ
ถ้าอยากเห็นทรายพูนมือสมบูรณ์ดี ก็อย่าไปบีบไปอัดมันแรงๆ ต้องถืออย่างถะนุถนอม รักษาระยะห่างให้พอดีๆ
ไม่กำแน่นเกินไป บีบ อัดจนร่วงหล่นหายไปจากกำมือ"
เห็นคุณค่าของกันและกัน.
Cr : ต้นกล้าจิตอาสา
ปลาทูไหม้เกรียม
“แม่ของผมเป็นคนทำอาหารที่บ้านประจำทุกวัน… คืนหนึ่งหลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน แม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้าและทำอาหารเย็นให้เราตามปกติที่โต๊ะอาหาร แม่วางจานที่มี ปลาทูไหม้เกรียม บนโต๊ะ ต่อหน้าพ่อและทุกๆ คน ผมรอดูว่าแต่ละคนจะว่าอย่างไร?
แต่…….พ่อไม่พูดอะไรและตั้งหน้าตั้งตากินปลาทูไหม้ตัวนั้นและหันมาถามผมว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง…….คืนนั้น หลังอาหารเย็น ผมจำได้ว่า ได้ยินแม่ขอโทษพ่อ ที่ทอดปลาทูไหม้ และผมไม่เคยลืมที่พ่อ พูดกับแม่เลย “โอ้ยย…พ่อชอบ ปลาทูทอด เกรียมๆ อร่อยมาก นะแม่”
คืนต่อมาผมเก็บคำถามในใจ ก่อนนอนและถามพ่อว่า “พ่อชอบปลาทูทอด เกรียมๆ จริงๆ เหรอ” พ่อลูบหัวผม และตอบว่า “แม่ของลูก ทำงานหนัก มาทั้งวัน…ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร แต่คำพูด ที่ต่อว่ากันนั้นต่างหาก ที่จะทำร้ายกัน”
ชีวิตคนเราเต็มไปด้วย ความไม่สมบูรณ์แบบ และแต่ละคน ก็ไม่ได้เกิดมา สมบูรณ์แบบ ตัวเราเองก็ไม่ได้มีอะไร ดีกว่าใครๆ
แต่สิ่งที่พ่อเรียนรู้ ในช่วงชีวิต คือ….. การเรียนรู้ ที่จะยอมรับความผิด ของคนอื่น และของตัวเอง การเลือก ที่จะยินดีกับความคิดต่างกันของ แต่ละบุคคล เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาชีวิตครอบครัว ที่มีความสุข และยืนยาว
“ชีวิตเราสั้นเกินกว่า ที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเสียใจ ที่ว่าเราทำผิดกับคนที่เรารักและรักเรา ให้ดูแล และ
ทะนุถนอม คนที่รักเราและพยายามเข้าใจ และให้อภัย จะดีกว่า”
รักคนไกล แต่ระอาคนใกล้
" รักคนไกล แต่ระอาคนใกล้ " ลองอ่านให้จบ ให้มุมคิดดีมาก
"แอม” เสาวลักษณ์ ลีละบุตร เล่าว่า ได้พบเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเพิ่งกลับจากการไปปลูกป่า หน้าตาของเธอเบิกบานด้วยความปิติที่ได้ช่วยฟื้นฟูธรรมชาติ เธอพรรณนาถึงคุณประโยชน์มากมายของการปลูกป่า ทั้งบรรเทาโลกร้อน เพิ่มออกซิเจน ให้ร่มเงา ปกป้องหน้าดิน และช่วยให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ฯลฯ
“ดีจังเลย” แอมยินดีกับเพื่อน “ตอนนี้เธอปลูกต้นไม้ที่บ้านเยอะเลยสิ่”
เพื่อนทำหน้าเซ็งทันทีแล้วตอบว่า “โอ๊ย ใครจะไปกวาดใบไม้ไหว ร่วงอยู่ได้ เลยตัดทิ้งไปแล้ว”
รักป่ารักต้นไม้ทั่วทั้งโลกนั้น บางครั้งกลับง่ายกว่ารักต้นไม้ในบ้าน เราพร้อมจะไปปลูกป่าทั่วทุกหนแห่ง แต่คร้านที่จะดูแลต้นไม้ในบ้าน
ปลูกป่านอกบ้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่หย่อนกล้าไม้ลงหลุมแล้วกลบ จากนั้นก็กลับบ้านได้เลย
แต่ปลูกต้นไม้ที่บ้านสิ เรายังต้องรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยนานนับปี ครั้นต้นไม้เติบโตสูงใหญ่ ก็ยังต้องเสียเวลากวาดใบไม้ร่วงไม่หยุดหย่อน วันดีคืนดีกิ่งไม้อาจตกมากระแทกหลังคาเป็นรู
เป็นเพราะต้นไม้นอกบ้านให้แต่สิ่งดี ๆ มีแต่สิ่งที่น่าชื่นชม ไม่เป็นภาระแก่เราเลย เราจึงรักเขาได้ง่าย ส่วนต้นไม้ในบ้านนั้นเรียกร้องการดูแลเอาใจใส่จากเรา แถมยังอาจก่อปัญหาให้ด้วย หลายคนจึงมองเห็นแต่ข้อเสียของเขา จนรู้สึกระอาขึ้นมา
เป็นเพราะเหตุผลเดียวกันนี้หรือเปล่า ผู้คนเป็นอันมากจึงรักและชื่นชมคนอื่นได้ง่ายกว่าคนในบ้าน
เราเห็นแต่ความดีของคนไกลตัวเพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย
ส่วนคนในบ้านนั้นอยู่ใกล้กับเรามากเกินไป จึงเห็นแต่ข้อเสียของเขา หรือเห็นเขาเป็นภาระที่ต้องดูแลเอาใจใส่จนกลบข้อดีของเขาไปเกือบหมด
ผลก็คือเรามักสุภาพอ่อนโยนกับคนไกล แต่มึนตึงฉุนเฉียวง่ายมากกับคนใกล้ตัว !
ลองมองให้เห็นคุณประโยชน์หรือความดีของต้นไม้ในบ้านบ้าง เราอาจจะรักเขาได้ง่ายขึ้น หลายคนมาเห็นประโยชน์ของต้นไม้ในบ้านก็หลังจากที่โค่นจนเหลือแต่ตอ แต่นั่นก็สายไปแล้ว จะไม่ดีกว่าหรือ หากเรารู้จักชื่นชมเขาขณะที่ยังอยู่กับเรา
กับคนในบ้านก็เช่นกัน เราควรหัดชื่นชมคุณความดีของเขาบ้าง ที่แล้วมา เราอาจมองข้ามไปเพราะคุ้นชินความดีที่เขาทำกับเราจนมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
เพลงที่แสนไพเราะ หากได้ฟังทุกวันทุกคืนก็กลายเป็นเพลงธรรมดาๆ ไม่มีเสน่ห์สำหรับเราอีกแล้ว ฉันใดก็ฉันนั้น คำพูดที่ไพเราะของภรรยา น้ำใจของสามี หรือความใส่ใจของพ่อแม่ หากเราได้ยินได้ฟังหรือได้รับติดต่อกันเป็นปีๆ หรือนานนับสิบปี ก็กลับกลายเป็นสิ่งสามัญจนเรามองไม่เห็นความสำคัญ ไม่ต่างจากอากาศที่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าทั้งๆ ที่ขาดมันไม่ได้เลย
น่าแปลกก็ตรงที่ หากคนใกล้ตัวทำผิดพลาดหรือสร้างความไม่พอใจแก่เรา แม้เพียงครั้งเดียว การกระทำนั้นๆ กลับฝังใจเราได้นานหรือลึกกว่าความดีที่เขาทำกับเรานับร้อยนับพันครั้ง !
ใช่หรือไม่ว่าเวลาเขาทำดีกับเรา เรามองว่านั่นเป็น “หน้าที่ของเขา” หรือเป็น “สิทธิที่เราควรได้รับ” ? แต่เมื่อใดที่เขาทำไม่ดีกับเรา ทำให้เราไม่พอใจ เรากลับมองว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น “สิ่งที่ไม่สมควร” เป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา” ... ดังนั้นจึงฝังใจเราได้ง่ายกว่า
อันที่จริงเขาอาจไม่ได้ทำผิดพลาดเกินวิสัยปุถุชน แต่ความที่เรามักจะมีความคาดหวังสูงจากคนใกล้ชิด ความผิดพลาดของเขาแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เราหัวเสีย ขุ่นเคือง หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ง่ายและนาน
คนในบ้านหรือคนใกล้ตัวนั้น ไม่ว่าจะดีแสนดีเพียงใด ก็ย่อมมีวันที่ต้องกระทบกระทั่งกับเราบ้าง แต่หากเราไม่ฝังใจอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น หันมามองและชื่นชมคุณความดีของเขา เปิดใจรับรู้ความรักที่เขามีต่อเรา เราจะรักเขาได้ง่ายขึ้น และตระหนักว่าเขามีความสำคัญต่อชีวิตของเรายิ่งกว่าคนไกลตัวเสียอีก
อย่ารอให้เขาจากไปเสียก่อนถึงค่อยมาเห็นคุณค่าของเขา ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว
อะไรก็ตามยิ่งอยู่ใกล้ตัวมากเท่าไร เราย่อมหน่ายแหนงและระอาได้ง่ายมากเท่านั้น
*******
https://m.youtube.com/watch?v=JkrsP5NwWE4
บันทึกของแบรดพิต
หลวงพ่อชา116 ชีวิตแต่งงานครอบครัวภาษาอีสาน
ตกเครื่องจนตกหลุมรัก
ซื้อบ้าน
http://youtu.be/rh5iKsTzk7k
คิดถึงน่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=cz5aRndgnyI
ไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งเท่ากับผม
https://m.youtube.com/watch?v=YeAjOimUHOU
https://m.youtube.com/watch?v=T621ugcUk7Y
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น