วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561

ผู้สูงวัย วัยเกษียณ



11:34 เคล็ดลับสุขภาพดีของย่า:ต้องขยับตัวบ่อยๆ เดินบ่อยๆ ทำงานบ้าน 
ไปหาซื้ออาหาร
ปู่:ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ กินอาหารครบ5หมู่ทั้งผักและเนื้อสัตว์ กินผัก
ผลไม้สดทุกมื้อ 
เมืองนี้อากาศดี ไม่มีฝุ่นละออง

เมื่อคุณเกษียณ คุณคือถ้วยกระดาษ
รุ้ง8สี.คุณคือใคร

เงินเก่า ไม่ใช่แก่แล้วยังต้องไปทำงาน หากิน ลำบากอีก
เมียเก่าและแก่ อยู่เป็นเพื่อน เพื่อช่วยดูแล ปรนนิบัติ ยามเจ็บป่วย
เพื่อนเก่า ไว้ปรึกษา พูดคุย ปรับทุกช์สุข สนทนา ด่าได้ทุกเรื่อง ไม่ถือสา เพราะรู้จักกันมานานจริงๆ
รุ้ง8สี.3สิ่งที่ต้องมียามชรา.https://youtu.be/NV3oAVJ78Gk


ยิ้มให้ตัวเอง...ทำชีวิตให้มีความสุข 
หลวงปู่“อยู่ให้ม่วนๆ กับวันหนึ่งคืนหนึ่ง แค่นั้น“
รุ้ง8สี.สูงวัยอย่างมีความสุขhttps://youtu.be/-guj3id3ZaU

อุปกรณ์ช่วยเดินประเภทต่างๆ.รามา แชแน

เจ้โพ้ง อายุ69 ลุง77 ยาย81 พิจิตร.ขนมไทยเตาถ่าน

ยายอายุ74 หลังงอ เพิ่งผ่าหัวใจ เข็นรถเข็นต่างไม้เท้า ออกมานั่งขายข้าวเกรียบปากหม้อ จะได้คุยกับคน ไม่อยากอยู่บ้าน เช่าบ้านอยุ่ เก็บเงินซื้อหม้อหุงข้าว
https://youtu.be/E4ceQd47u_w

ยายละอออายุ83 นครศรีธรรมราช  เต้นออกกำลังกายกับอสม.มา15ปีด้วยชุดเสื้อคอกระเช้าผ้าถุง
https://youtu.be/UpF_3lxzg8Y

เหรียญอายุ52 แข็งแรง ใจแกร่ง เริ่มเพาะกายอายุ47
กำลังใจมาจากตัวเอง ไปสิ อีกนิดเดียว สุขภาพเราดีขึ้น แข็งแรงขึ้น

ปู่แบนนักเพาะกายอายุ75

มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95


การรับเงินบำเหน็จ/บำนาญ 30/6/60

แท็กซี่ตุ๊กๆ วีลแชร์ขึ้นได้

วิธีดูแลผู้สูงอายุที่มีวาจาเชือดเฉือนระดับร้ายกาจ

https://visitdrsant.blogspot.com/2020/02/blog-post_13.html  03 ตุลาคม2563

สุเมธ อายุ78 ชอเฮงโรงงานเส้นหมี่
โคโรเกะตายยายกับเจ้ายักษ์...หมา
เมื่อเราเริ่มแก่ตัวลง...ที่สุดของชีวิตแล้ว...เราได้กลายเป็นคนแบบไหน.บ้านพักคนชราทำโดยนศ.ม.กรุงเทพชีวิตก่อนเข้าบ้านพักคนชรา
ลีโอ ไอ้หนูของยาย
มหาเดวัย92เริ่มแก่แล้ว....
ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีคุณค่า
เพลงตรวจสุขภาพประจำปี
หมอ
ชิเงะอะกิอายุ ปี59อายุ102ปี
กำนันอินปั๋น เชียงราย คนเฒ่าจิตใจดี 
ลุงติ๊ก โมเดลจิ๋ว การได้เป็นตัวของตัวเอง
ยายจำปีจากตาคลีมาขายซอยอารีย์1
ครูหน่อยเสกกระดาษเป็นคน
หมอสอยหมอสมุนไพร81ปี
นพ.บรรลุ 94ปี
ยายอายุ112ปี
ยายจำลองขายกล้วยทอดอายุ100ปี
สอนโยคะอายุ87
ยายยิ้ม
ขายข้าวต้มบนเรือม.แม่กลอง
บริจาคที่ดินสร้างร.พปากเกร็ด
คุณยายแกะกล่อง เน็ตไอดอลวัยเกษียณ
นายแพทย์ญี่ปุ่น  Dr. Shigeaki Hinohara
ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร
 อายุ80เต้นได้ขนาดนี้เชียวเหรอ
    ดร.พนม ปีย์เจริญ
ยายทวดอายุ102ปี ว่ายน้ำ
ยายอายุ85อาชีพขายบ้านมือ2 หยุดรถให้ผู้สูงวัยข้ามถนน

ยายเนี่ยว 90 ปี สุดแกร่ง แชมป์กวาดเหรียญทอง

จะฆ่าตัวตายเอาตอนเกษียณ
อายุ100ปี ทำกับข้าว ปลูกผักกินเอง
วันเกษียณ

 *****************************************************************************




















 คุณปู่แบนนักกล้าม เพราะมีเงินไม่สำคัญเท่ามีสุขภาพดี
รายการ "เจาะใจ" อังคารที่ 25 กรกฎาคม 2560 เวลา 15.05 น.
https://youtu.be/bu5pkwiGkpQ

ดู๋-สัญญา คุณากร พิธีกรรายการ "เจาะใจ" ถึงกับตาค้าง ลั่น แพ้ใจ นักกล้ามรุ่นปู่ อย่าง “ปู่แบน-ดำรง จันทร์นวล” อดีตเป็นเพียงหนุ่มตี๋หน้าตาธรรมดา ที่ใครๆก็ให้ฉายาว่า “กระดูกผีเดินได้” แต่วันนี้ชายหนุ่มผอมกะหร่องคนเดิม ได้กลายเป็นผู้สร้างเสียงฮือฮาอย่างมากบนโลกออนไลน์ ด้วยวัย 75 ปี ที่ใครๆต่างใช้สรรพนามเรียกเขาว่า “ปู่” แต่เขากลับมีหุ่นล้ำบึ้ก กล้ามโต ฟิตแอนด์เฟิร์มกว่าหนุ่มๆ หลากหลายคน

“ปู่แบน” เล่าในรายการ “เจาะใจ” ว่า “แต่ก่อนผอมจนได้ฉายาว่า “ไอ้กระดูกผีเดินได้” เพราะขาเล็กเรียว ไม่สูง ไม่หล่อ เรียกว่าหุ่นใช้ไม่ได้เลย ก็เลยฮึดอยากมีกล้ามให้ได้ อาศัยครูพักลักจำ แอบดูคนที่เขาเล่นมาแล้วมาทำตาม ตอนซื้อลูกปูนมาเล่น แล้วต้องแบกผ่านทางรถไฟ มีคนในตู้รถไฟพูดให้เราได้ยินว่า “นักก้างมาแล้ว” ปู่ก็เล่นไปเรื่อยๆ จนตอนนี้อายุ 75 ก็ยังเล่นอยู่ คนอื่นจะมองอย่างไรไม่รู้ แต่สำหรับปู่ ใจมันยังห้าวหาญอยู่ เคยถามคนรุ่นเดียวกันหลายคนก็มักจะบอกว่า แย่แล้วปีนี้ จะตายวันตายพรุ่งไม่รู้วันไหน เพราะว่าไม่แข็งแรง มันมีตัวอย่างให้ดูเยอะ เพื่อนรุ่นปู่หลายคนก็ตายหมดแล้ว เพราะต่อให้รวยแค่ไหน มีเงินแค่ไหน พอถึงตอนป่วยมันก็ไม่มีอะไรสามารถช่วยได้ เงินยังช่วยไม่ได้เลย ดังนั้น การดูแลร่างกายตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ปู่คิดเสมอว่า อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข อายุเท่าไหร่มันก็ไม่สายสำหรับการเริ่มต้น ข้อสำคัญคือแบ่งเวลาให้ได้ ถ้าคุณไม่แบ่งเลย คุณก็จะไม่ได้อะไรเลย”
มาฟังเรื่องราวของ “คุณปู่หุ่นล่ำบึ้ก” แบบเต็มๆ ในรายการ “เจาะใจ” คืนวันเสาร์ ที่ 29 กรกฎาคมนี้ สามทุ่มตรง ทางช่อง 9 MCOT HD ... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/entertainment/587566

*************

คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!

โดย MGR Online  
31 สิงหาคม 2559 10:00 น.
http://www.manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9590000086893

คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
        เปิดเคล็ดลับความแข็งแรง “คุณยายมารศรี” นักพากย์-นักแสดง ศิลปินแห่งชาติ อายุ 95 แต่ยังสตรอง คนแห่ชื่นชมและอยากรู้ว่าทำอย่างไร คุณยายถึงยังแข็งแรงได้ขนาดนี้? 
        สำหรับคนที่ชอบดูหนังดูละคร ย่อมรู้จักดารานักแสดงและนักพากย์ให้กับหนังและละครมาแล้วนับร้อยเรื่องผู้อาวุโสท่านนี้ คุณยายเป็นนักพากย์มาตั้งแต่หนังฟิล์ม 16 มม. มาจนถึงยุค 35 มม. ซึ่งมักจะพากย์คู่กับ “รุจิรา” หรือ หม่อมหลวงรุจิรา อิศรางกูร จนได้ชื่อว่าเป็นนักพากย์คู่ขวัญที่คนชื่นชมกันมาก และเวลาต่อมา ก็กลายเป็นคู่สามีภรรยากันในชีวิตจริง
     
       ด้วยความมุ่งมั่นต่อการสร้างผลงานมาอย่างยาวนานกว่า 40-50 ปี คุณยาย “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” ได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2542
     
       อย่างไรก็ดี ถึงแม้วันคืนแห่งชีวิตจะใกล้ชิดร้อยปีเข้าไปแล้ว แต่ “คุณยายมารศรี” ก็ทำในสิ่งที่แม้กระทั่งคนหนุ่มคนสาวยังต้องทึ่ง 
คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
คุณยายมารศรี,แม่อ้อย (ลูกสาว) และพ็อตตี้ (หลานชาย)
        
        ตามภาพข่าวที่โด่งดังทางโลกออนไลน์ บอกเล่าว่า นักแสดงอาวุโสซึ่งอายุอานาม 95 ปีแล้วใน พ.ศ.นี้ สามารถลงสระว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งยังดูแข็งแรงมากกว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในวัยเดียวกัน
     
       มาดูกันว่า คุณยายมีเคล็ดลับอะไรในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และอายุยืนถึงเพียงนี้? 
คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
        
          • ถามถึงเคล็ดลับการดูแลสุขภาพหน่อยค่ะว่ายายมารศรีทำอย่างไรให้แข็งแรงแบบนี้คะ
     
       เริ่มจากการการออกกำลังกายก่อนนะ การออกกำลังกายสำหรับยาย หมายความว่าเรานอนหลับพักผ่อนเต็มที่แล้วตื่นนอนขึ้นมา เราก็ต้องมาออกกำลังกาย เพราะระหว่างที่เรานอน เราไม่ได้บริหารร่างกาย ยายจะตื่นมาตั้งแต่ 6 โมง พอตื่นขึ้นมา พอเห็นแสงสว่าง เห็นอะไรต่อมิอะไรแล้ว มีความรู้สึกว่า อ่อ…นี่บ้านเรานี่หว่า (หัวเราะ) พอรู้สึกแบบนั้นแล้ว เราก็จะเริ่มออกกำลังกาย จะออกแถวๆ ที่นอนเราเลย
     
       ยายชอบยกขา ยกแขน เสร็จแล้วก็จะเดินอยู่ในห้อง นับไปเรื่อยๆ ให้พ้น 20 30 40 50 60 เดินไปแบบนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งครบสองร้อยก้าวทำทุกวันๆ จะนับ 1-100 ย้อนกลับไปนับใหม่จนครบสองร้อย นับเพื่อให้มีเวลา ให้เราได้คิดอะไรต่อมิอะไรบ้าง บางครั้งก็มีวิ่งเหยาะๆ ในห้องบ้าง (หัวเราะ) จะออกกำลังทุกส่วน ให้ร่างกายเราเคลื่อนไหว พอออกกำลังกายเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำอาบท่า เสร็จแล้วก็รับประทานอาหารเช้า นี่แหละคือชีวิตประจำวัน
     
       อย่างก่อนนอนก็จะมีทำเหมือนกายภาพ ยกแขน ยกขา วิดพื้นเองด้วย ทำให้ร่างกายเราเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ถ้าอยู่เฉยๆ ถ้าเราไม่ทำมันก็จะไม่มีชีวิตชีวา ถ้าทำแล้ว ความสุขมันจะเกิดขึ้นในหัวใจเราเอง เราคนแก่อยู่แล้ว เราต้องนึกอยู่แล้วว่าต่อไปเราจะอยู่ได้นานแค่ไหน มันก็จะมีความคิดอะไรแบบนี้อยู่แล้ว อารมณ์คนแก่น่ะลูก (ยิ้ม) แต่อันนี้ต้องดูร่างกายของแต่ละคนด้วย เพราะบางคนอาจจะยังไม่ชิน อาจทำให้ไม่สบายขึ้นมาได้ แต่ยายทำทุกวันเลยชินแล้ว 
คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
        
          • แบบนี้คุณยายมารศรีออกกำลังกายเป็นประจำเลยไหมคะ
     
       เป็นประจำ แต่ก็จะมีวันหยุดบ้าง อย่างวันเสาร์อาทิตย์ก็จะพักบ้าง แล้วก็กลับมาทำใหม่ ให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวบ้างอะไรบ้าง ส่วนท่าบริหารต่างๆ ยายจะคิดขึ้นมาเอง อย่างวันนี้เมื่อยขาจังเลยนะ เราขี้เกียจไปนวด เพราะไปแล้วเสียสตางค์เปล่าๆ เราก็จะบริหารของเราเอง ก็จะยกขาขึ้น ยกขาลง จนกระทั่งขาเราหายดี แล้วพัก หรือจะลุกขึ้นมาดื่มน้ำบ้าง แล้วก็ยกแขนต่อ ทำไปเรื่อยๆ ทำทุกวันๆ ร่างกายมันก็จะชิน ถึงเวลาเราก็ต้องทำแล้ว เพราะถ้าไม่ได้ออกกำลังกายก็จะเหมือนกับว่าเราขาดอะไรไปสักอย่าง ถึงเวลาก็ต้องทำ พอทำทุกอย่างเสร็จแล้วเราก็สบายใจ 
     
         • อายุยืนขนาดนี้ แสดงว่าดูแลตัวเองดีมาตั้งแต่ยังสาวๆ ใช่ไหมคะ
     
       (ยิ้ม) ยายชอบออกกำลังกายมาตั้งแต่สาวๆ แล้วนะ เป็นคนชอบเล่นกีฬา อย่างวิ่งเปี้ยว ว่ายน้ำ อะไรต่อมิอะไร ทำมาทุกอย่าง ชอบมาตั้งแต่เป็นนักเรียนเลย ว่ายน้ำก็ว่ายที่แม่น้ำเจ้าพระยาเลย ชอบว่ายกับเพื่อนรุ่นๆ เดียวกัน อารมณ์เหมือนเล่นสนุกมากกว่า แต่พอแก่แล้วก็หันมาออกกำลังกายแบบคนแก่
     
       ตอนสาวๆ ยายจะชอบดูแลสุขภาพของเราเองอยู่แล้วด้วย อย่างเราไม่สบายเราก็ต้องหยุดพักบ้าง พอรู้สึกว่าเราแข็งแรงเราก็จะทำใหม่ ให้ร่างกายได้หยุดพักบ้าง 
คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
        
          • แล้วเรื่องการกินล่ะคะ ในแต่ละวันกินอะไรบ้าง มีอาหารที่ต้องงดบ้างไหมคะ หรืออาหารอะไรที่ควรทานบ่อยๆ บ้าง
     
       ทุกวันนี้ เราทำอะไรต่อมิอะไรเสร็จก็จะลงมาทานข้าวต้ม เป็นข้าวต้มปลาบ้าง แล้วก็ไข่ลวกหนึ่งใบ อาหารโปรดของยายจะเป็นอาหารญี่ปุ่น (หัวเราะ) ชอบมาก เพราะหลานชายชอบทานด้วยก็จะพากันไปทานบ่อยๆ ยายจะชอบทานปลาแซลมอน อย่างปลาแซลมอนย่างซีอิ๊ว ปลานึ่ง เพราะอายุเราป่านนี้แล้วด้วยเราจะไปกินอาหารเหนียวๆ แข็งๆ ก็กินไม่ได้แล้ว เคี้ยวไม่ไหว ย่อยยากด้วย ไปกินปลาที่เขานึ่งมาขาวๆ อ่อนๆ ดีกว่า
     
       อีกอย่าง ยายชอบทานผลไม้เป็นที่หนึ่งเลยนะ กลางคืนก่อนนอนต้องมีผลไม้ ต้องให้คนเขาปอกเปลือกจัดมาให้ จะทานผลไม้ทุกฤดู จะต้องทานทุกคืนก่อนนอน หรือดึกๆ หน่อยก็จะดื่มนมโอวันติลบ้าง ตื่นเช้ามาก็จะสดชื่น
     
       ส่วนตัวยายไม่ต้องงดอาหารอะไรนะเพราะหมอไม่ได้ห้ามทานอะไรเลย สามารถทานได้ทุกอย่าง ขนม นม เนยก็กินได้แต่ต้องกินที่กินง่ายๆ อย่างถั่ว เคี้ยวยากๆ ก็จะไม่ค่อยกินเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรมากมาย แต่ที่จะไม่ค่อยได้ทานมากจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู อาหารที่ย่อยยากๆ กินไม่ได้แล้ว อายุป่านนี้แล้ว (หัวเราะ) 
คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
        
          • ชีวิตในหนึ่งวันของคุณยายมารศรีทำอะไรบ้างคะ
     
       ตื่นนอน ออกกำลังกาย อาบน้ำ ทานข้าวเช้าเสร็จ เราก็จะนั่งๆ นอนๆ ดูทีวี วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร หรือตอนเย็น บางทีเราก็จะมีเข้าครัวทำอาหารกินเองบ้าง หรืออย่างวันไหนเบื่อ เราก็จะไปจ้างเขาทำบ้าง แต่ส่วนมากจะทำเอง เพราะมันอร่อยกว่าที่เราซื้อเขากิน เพราะเรานึกอยากกินอะไร เราก็จะทำ อยากกินรสชาติไหน เราก็ปรุงเอง เพราะยายกินไม่เยอะ จะกินแค่นิดๆ หน่อยๆ ชอบทำอะไรง่ายๆ กินเองมากกว่า ทุกวันนี้ก็ยังมีทำเองอยู่ เพราะการทำอาหารกินเองก็ได้ออกกำลังกายไปด้วย เพราะได้บริหารร่างกาย แต่ก็มีคนช่วยไม่ได้ทำคนเดียว
     
       ส่วนการพักผ่อน ก็จะแล้วแต่เลย ง่วงเมื่อไหร่ก็นอน กลางวันก็จะมีนอนงีบพักผ่อนบ้าง ดูทีวีบ้าง บ่ายสามโมง สี่โมงก็เข้าครัว ทุกวันนี้ บางทีก็ยังมีไปเดินห้างสรรพสินค้าอยู่นะ อย่างวันไหนเราว่างๆ อยากจะไปเที่ยวเราก็จะไปตามห้างฯ ไปดูข้าวของเครื่องใช้ที่มาใหม่ๆ เราชอบอะไรก็จะซื้อมา (หัวเราะ)
     
         • อายุ 95 แล้วแต่ยังดูแข็งแรงอยู่เลย นอกจากจะรักษาสุขภาพกายแล้ว มีวิธีรักษาสุขภาพใจอย่างไรบ้างคะ
     
       เราจะชอบคิดว่าให้เรามีความสุขอยู่ไปวันๆ ก็ไม่ได้ไปคิดอะไรมากแล้ว แต่มันก็มีบ้างที่รู้สึกเหงา เพราะชีวิตเราผ่านมาก็ไม่ใช่น้อยแล้ว ชีวิตช่วงสุดท้ายก็ควรจะสรุปเสียบ้าง เราต้องทำใจของเราไม่ให้มีเรื่องมีราว ไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับใคร เราก็อยู่ตามประสาคนแก่ อยู่อย่างสงบๆ ไป ดูทีวีบ้าง นอนพักผ่อนบ้าง ไปเที่ยว ไปกินข้าวกับครอบครัวบ้าง เราก็จะได้ผ่อนอารมณ์ อีกอย่าง ยายชอบไปปฏิบัติธรรม ไปทำบุญนะ เพราะลูกสาวคนเล็กชอบพาไป เขาจะเคร่งทางนี้มากๆ (ยิ้ม)
     
       หลายบ้านบอกผู้สูงอายุดื้อ แต่ยายไม่ดื้อนะ ยายว่าง่ายจะตาย (หัวเราะ) ไม่เคยดื้อเลย เรามีความเข้าใจกัน ลูกหลานมีความเข้าใจกันหมด ไม่มีอะไรต้องมาคอยระแวง เราอยู่กันอย่างสบายๆ ถ้าบ้านไหนคนแก่ดื้อ ก็ต้องคุยกันดีกว่า คุยกันแบบครอบครัว อย่าไปดุ เปิดอกคุยกัน อย่าไปบังคับ เพราะยิ่งบังคับ ยิ่งต่อต้าน คนแก่จะยิ่งน้อยใจมาก เราต้องคุยกันดีๆ เพราะคนแก่จะต้องการความอบอุ่นมากกว่า 
คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
        
          • อายุขนาดนี้มีหลงๆ ลืมๆ บ้างไหม มีการบริหารสมองอย่างไร เพราะได้ข่าวมาว่าคุณยายยังจำแม่นมากๆ
     
       ทุกวันนี้ เราก็จำทุกอย่างได้แม่นยำนะ เพราะเราเล่นละครมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วย ก็จะทำให้เรามีความจำที่ดีอยู่แล้ว วิธีบริหารสมองของยายก็จะไปกับลูกสาวคนโต เขาจะไปเล่นไพ่แบบที่สมัยโบราณเขาเล่นกัน ที่เรียกว่าใบตอง เวลาเขาไป เขาก็จะดึงยายไปด้วยให้ไปเปิดสมอง มันจะช่วยบริหารสมอง มันจะทำให้เราไม่คิดอะไร จะคิดถึงแค่ไพ่ที่เราเล่น มันก็คือความสุข แต่ก็นานๆ ไปที เพราะไปบ่อยๆ ก็ไม่ไหว
     
       ไพ่ตองช่วยบริหารสมองนะ เราไม่ได้นึกไปถึงการพนันอะไร จะคิดแค่ว่ามันได้ใช้สมองในการคิด ตรงนี้หมอแนะนำให้เล่นเลยนะ เพราะมันจะช่วยออกกำลังทางสมอง สมองจะได้คิด จำได้ จริงๆ ถ้าให้ท่องบทก็ยังจำได้นะ ตอนนี้ฉันก็นึกๆ อยู่เหมือนกันนะว่าถ้าหากมีคนมาจ้างเล่นละครอีก ก็น่าจะเล่นได้นะ (หัวเราะ) แต่ก็คงเล่นได้แต่ไม่ใช่บทที่ยาวๆ 
     
         • มีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้อายุยืนบ้างไหม หรืออยากแนะนำอะไรให้ผู้สูงวัยได้หันมาดูแลสุขภาพบ้างคะ
     
       เราจะไปคิดทำไม ยายจะไม่คิดถึงเรื่องเป็นเรื่องตาย เราก็อยู่ของเราไปวันๆ อย่าไปคิดอะไรเหลวไหล เหนื่อยหน่อยเราก็นอนพัก พยายามทำจิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ทำให้ชีวิตของเรามีความสุขไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพราะบางที อย่าว่าแต่คนแก่เลย จะอายุเท่าไหร่ก็ตาม ถ้าคิดมาก มันจะทำให้กังวล ทำให้เครียด จะทำให้มีความไม่สบายใจขึ้นมา ยายเลยจะไม่ค่อยเครียด ปล่อยวาง แต่อาจจะมีบ้าง แต่ก็จะไม่ค่อยคิดจะทำจิตใจให้สบายมากกว่า
     
       อย่างเดือน สองเดือนก็จะวนเวียนมาหาหลาน ไปมาหาลูกสาวคนนี้บ้าง กลับไปอยู่กับลูกสาวคนนั้นบ้าง ก็จะสลับกันไปๆ มาๆ ตื่นขึ้นมาก็ออกกำลังกายบ้างถ้ายังมีแรง ทำไปตามนั้นให้เคยชิน ยกแขน ยกขา เหมือนกายภาพธรรมดา การกินก็กินอะไรที่มีประโยชน์ 
คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
        
          • อัปเดตสุขภาพคุณยายตอนนี้หน่อยค่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีโรคประจำตัวบ้างหรือเปล่า ต้องไปหาหมอหรือเช็กสุขภาพอะไรอย่างไรบ้างไหม
     
       สุขภาพตอนนี้เราก็ทำเหมือนที่เคย เจ็บป่วยก็ไปหาหมอบ้าง แต่มันก็ไม่ได้อะไรหนักหนา มันก็เป็นตามประสาคนแก่ สามวันดี สี่วันไข้ ธรรมดาคนเราจะดี จะสบายกายสบายใจตลอดไปไม่ได้หรอก มันจะต้องมีเจ็บป่วยบ้าง มีความสุขความทุกข์บ้างผสมกันไป อยู่ที่เราจะจัดการมันยังไง ส่วนชีวิตมันจะเป็นไปยังไง เราก็ปล่อยมันไป เรามีความสุขที่ได้เจอหลานบ้าง เจอลูกบ้างอะไรบ้าง เรามีลูกหลานคอยเอาอกเอาใจอยู่เรื่อย เราก็สบายใจ ลูกหลานสบายใจ เราก็สบายใจด้วย เพราะครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ เรามีทุกอย่างเพอร์เฟกต์หมดแล้ว เราก็สบายใจดี ชีวิตคนเราก็แบบนี้นะ ถ้าจิตใจมีความสุข มันก็จะส่งออกมาภายนอกเอง (ยิ้ม)
     
       ทุกวันนี้ก็ยังเดินเหินด้วยตัวเอง ไม่ต้องมีอะไรพยุง ก็จะมีบ้างที่ให้เดินช้าๆ เพราะเราเป็นคนเดิน เขาก็จะให้เดินทีละก้าวๆ ฉันทำไม่ค่อยได้ (หัวเราะ) จะชอบเดินไวไปก่อนแล้ว ก็จะโดนดุบ้าง แต่เราก็จะคิดว่ามันเดินไปได้นี่หว่า (หัวเราะ) 
     
       ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเป็นอะไรมาก จะเป็นก็แค่ภูมิแพ้อากาศ เวลาอากาศเปลี่ยน เป็นหวัดบ้าง เป็นไข้บ้าง อย่างความดันก็จะมีนานๆ ที ไม่ได้เป็นอะไรบ่อยๆ เป็นหนักๆ จะไม่มีเลย ถือว่าโชคดีมากกับอายุ 95 ปีแบบนี้ เพราะพอเรารู้ว่าเราจะเป็นอะไรหรือเวลาไม่สบายก็จะรีบไปหาหมอเพื่อรักษาก่อน เราจะเริ่มตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่จะเป็นอะไร ตอนนี้ก็เริ่มหูไม่ค่อยได้ยินบ้างแล้ว (หัวเราะ) 
คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
        
          • ท้ายนี้ในชีวิตมีอะไรที่อยากทำอีกบ้างไหมคะ 
     
       นั่นน่ะสิ ก็ยังนึกไม่ออกว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรอีกบ้าง (หัวเราะ) ทำมาแทบทุกอย่างแล้ว ทีนี้ เราก็ปล่อยชีวิตให้เราเป็นไป ปล่อยตามชีวิต ปล่อยไปตามเรื่อง ปล่อยไปตามใจตัวเองไป เราจะตายเมื่อไหร่ก็สุดแล้วแต่ ถ้ามันจะถึงเวลาไปแล้ว เราก็ยอมรับค่ะ (หัวเราะ) 
คุณยายน่าทึ่ง!! “มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา” อายุ 95 ยังสตรอง!
        
        เรื่อง : วรัญญา งามขำ
       ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร และอินสตาแกรม @ty_israngura 

วิธีดูแลผู้สูงอายุที่มีวาจาเชือดเฉือนระดับร้ายกาจ

https://visitdrsant.blogspot.com/2020/02/blog-post_13.html  03 ตุลาคม2563



ดิฉันอายุ 44 ปี อยู่กับคุณแม่อายุ 74 ปี มีพี่ชาย 1 คน ซึ่งแยกออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว ดิฉันตอนนี้ทำงานในธุรกิจที่คุณแม่สร้างมาซึ่งตอนนี้ท่านทำน้อยลง เราจะอยู่ด้วยกันทั้งวัน มีปากเสียงกันบ้างเป็นบางครั้งคราว แต่ทุกครั้งที่มีปัญหา คุณแม่จะบอกว่าดิฉันเถียงท่าน ไม่เคยยอมรับความผิด และจะใช้คำพูดเสียดแทง เช่น "เมื่อก่อนฉันคิดว่าจะให้แม่ผัวตบเธอ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องคิดแล้ว เธอคงไม่ได้แต่งงาน"  และอื่นๆอีกมากมายที่เป็นการดูถูกเกียรติของมนุษย์ ดิฉันพยายามบอกให้ท่านใจเย็น แต่ยิ่งพูดท่านก็จะยิ่งสรรหาถ้อยคำเสียดแทงน้ำใจ
ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปีที่แล้ว ท่านได้รับการวินิยฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า ทายา VALDOXAN 25 mg อยู่ 6 เดือนแล้วหยุดยา เริ่มทานใหม่เดือน มกราคม 2563 ขณะนี้ยังทานอยู่
ดิฉันขอคำแนะนำจากคุณหมดว่าดิฉันควรจะมีวิธีการรับมืออย่างไร เวลาที่ท่านใช้คำพูดที่เสียดแทง และแนะนำวิธีดูแลผู้ป่วยซึมเศ้า ว่ามีแนวทางการรับมืออย่างไร

........................................................

ตอบครับ

     ผู้สูงอายุที่มีอาการพูดไม่เข้าหูคน และชอบทะเลาะกับคนใกล้ชิดทุกวันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ภาษาหมอเรียกว่ามีการสูญเสียทักษะทางสังคม ซึ่งเป็นอาการหนึ่งในหกของโรคสมองเสื่อม อาการเสื่อมของสมองมีหกส่วนคือ(1) สติสมาธิ, (2) ความจำ, (3) ภาษา, (4) การสังคม, (5) การทรงตัวและเคลื่อนไหว,(6) ความคิดวินิจฉัย 
ในกรณีของคุณแม่ ความจำอาจจะยังพอใช้ได้อยู่ 
แต่เห็นได้ชัดว่าทักษะทางสังคมและการคิดวินิจฉัยของท่านได้เสื่อมลงไปแล้ว 
ดังนั้นคุณกำลังเลี้ยงดูคุณแม่ซึ่งเป็นโรคสมองเสื่อม ไม่ใช่กำลังหาวิธีอยู่กับคุณแม่อย่างมีความยุติธรรมเชิงสิทธิมนุษยชน 

       ถามว่าทำไมคุณแม่จึงมีวาจาเชือดเฉือนร้ายกาจ 
ตอบว่าผู้ป่วยสมองเสื่อมจะเป็นแบบ "เชื่อง" หรือแบบ "ดุ" ขึ้นอยู่กับชนิดของความจำที่เหลืออยู่ เพราะคำพูดและพฤติกรรมของคนเราเกิดจากความคิด ความคิดนั้นถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วด้วยความจำจากอดีต เพราะความคิดก็คือการรีไซเคิลความจำจากอดีตนั่นเอง ความจำมันจะผลัดกันวนรอบขึ้นมาในห้วงความคิด กลายเป็นกลไกการย้ำคิด  ที่เป็นธรรมชาติประจำตัวของมนุษย์ทุกคน แต่ผู้ป่วยสมองเสื่อมความจำส่วนหนึ่งจะถูกลบหายไป เหลืออยู่แค่บางส่วน ความจำส่วนที่เหลืออยู่นั่นแหละเป็นตัวกำหนดว่าจะเป็นผู้ป่วยแบบเชื่องหรือแบบดุ
   โดยธรรมชาติความจำที่สัมพันธ์กับอารมณ์ระดับรุนแรงเช่นความโกรธ เกลียด อิจฉา กลัว จะตราตรึงอยู่ได้นานและถูกลบยาก ทำให้ผู้ป่วยสมองเสื่อมที่ผ่านชีวิตมาแบบเล่นละครน้ำเน่าสไตล์ตบตี แก่งแย่ง ชิงดี โกรธ เกลียด อิจฉา เป็นตีมหลักมาทั้งชีวิตก็แน่นอนว่าเมื่อสมองเสื่อมก็จะกลายเป็นผู้ป่วยสมองเสื่อมพันธุ์ดุ
     ยังมีอีกแบบหนึ่งนะคือผู้ป่วยสมองเสื่อมแบบชอบ "เหวี่ยง" คือจะเหวี่ยงใส่คนข้างๆ การเหวี่ยงนี้ไม่ใช่แค่เหวี่ยงเล่นๆ แต่เป็นการเหวี่ยงแบบต้องเอาให้ได้เรื่อง คือต้องมีรายการหัวร้างข้างแตก เลือดตกยางออก หรือน้ำหูน้ำตาร่วงกันไปข้างหนึ่งให้ได้ก่อน ถ้ายังไม่ได้เรื่องก็จะยังไม่เลิกเหวี่ยง 
คำพูดหรือพฤติกรรมแบบนี้ เป็นผลจากการรีไซเคิลความจำส่วนที่เรียกว่า "ความกลัว" กลัวชีวิตตัวเองไม่มั่นคง กลัวคนอื่นไม่รักหรือไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง กลัวสูญเสียอำนาจควบคุม การเหวี่ยงเป็นการสนองตอบต่อความกลัว เป็นการพยายามพิสูจน์ว่าที่ตัวเองกลัวนั้นมันไม่จริง เมื่อพิสูจน์จนจบแบบ ซ.ต.พ. ได้แล้วจึงจะหยุดเหวี่ยง

วิธีรับมือกับคำพูดเสียดแทงของท่านได้อย่างไร ตอบว่าคุณควรจะ

     1. มองให้เห็นรูปแบบของความสัมพันธ์ว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวกตัญญูกำลังดูแลคุณแม่ซึ่งเป็นโรคสมองเสื่อม ไม่ใช่คนรุ่นใหม่กำลังจะพิสูจน์ตรรกะหรือคอนเซ็พท์เรื่องเหตุผลยุติธรรมคุณธรรมกับคนรุ่นเก่า


     2. ให้คุณฝึกรับรู้และยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหรือปรากฎต่อหน้าคุณที่ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ยอมรับหมด ถ้าคุณเป็นคนเจ้าความคิดก็ขอให้คิดทางบวก ว่าถ้าคุณไม่ยอมรับท่านอย่างที่ท่านเป็นมันก็จะเป็นความโกรธเกลียดซึ่งเป็นความทุกข์ แต่ถ้าคุณยอมรับท่านอย่างที่ท่านเป็นมันก็จะกลายเป็นความรักซึ่งเป็นความสุข ดังนั้นให้คุณท่องคาถา ขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย เมตตา

     3. ฝึกสื่อสารกับคุณแม่โดยไม่ต้องพูด คือการอยู่ใกล้กันแบบเงียบๆแต่มีความรู้สึกเอื้ออาทรต่อกัน แค่อยู่ใกล้ๆกันแล้วคิดขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย และแผ่เมตตาสู่กันอยู่ในใจก็เป็นการสื่อสารที่ใช้ได้แล้ว เมื่อมีเรื่องฉุกเฉินอะไรก็ตาม อย่าคิดโต้กลับ ให้นิ่งเข้าไว้ก่อน สังเกตรับรู้ความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นบนร่างกายและในใจของคุณเอง แล้วค่อยสนองตอบต่อเหตุการณ์ไปทีละช็อตอย่างมีสติ อย่าสนองตอบต่อสิ่งเร้าแบบปล่อยไปตามกลไกสนองตอบอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ชีวิตคุณถูกบงการด้วยความจำแย่ๆของคุณในอดีต 

     4. ให้คุณหัดแยกให้ออกระหว่างความคิด กับความรู้ตัวของคุณ ว่ามันเป็นคนละอันกัน ความคิดเป็น "คุณ" ตัวนอก... ส่วนความรู้ตัวนั้นเป็น "คุณ" ตัวใน ซึ่งไม่มีส่วนได้เสียอะไรกับคุณตัวนอก
คุณแม่ก็เหมือนกัน มีท่านตัวนอกซึ่งก็คือความคิดของท่าน และท่านตัวในคือความรู้ตัว
 จากมุมมองของความรู้ตัวนี้ คุณกับคุณแม่แท้จริงแล้วเป็นของสิ่งเดียวกัน หรือผมอาจพูดให้คุณยอมรับได้ง่ายขึ้นอีกหน่อยว่าแท้จริงแล้วงอกออกมาจากเหง้าเดียวกัน ...ถ้าคุณเข้าถึงตรงนี้ความรังเกียจเดียดฉันท์คุณแม่จะหายไปโดยอัตโนมัติ จะเหลือแต่ความเมตตาต่อท่านอย่างลึกซึ้ง
    5.เปลี่ยนตัวตน ...กับความเป็นบุคคลเดิมของคุณอย่างสิ้นเชิง จะคิด พูด ทำ หรือสนองตอบเรื่องอะไร ไม่ต้อง "ไว้ลาย" ความเป็นคนเดิมของคุณ ลืมคนเก่านั้นไปเสีย สนองตอบต่อสิ่งเร้าออกไปตามผลสรุปที่เกิดจากการใช้สติประเมินความรู้สึกที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ 
    6.คุณนั่งสมาธิ ทุกวันเพื่อทะยอยวางความคิดเก่าๆเดิมๆทิ้งไปให้หมด เอาความสนใจไปอยู่กับความรู้ตัวที่เป็นความว่างนิ่งเงียบและมีความสงบเย็นอยู่ในตัว ทำอย่างนี้ซ้ำๆซากๆหลายเดือนหลายปีจนความสงบเย็นกลายเป็นความจำดั้งเดิมของคุณแทนที่ความจำเก่าๆอย่างอื่นหมด 
     7.เลิกคาดหวังอะไรทั้งสิ้น ทั้งการคาดหวังเอากับคุณแม่ หรือการคาดหวังเอากับตัวเอง และการคาดหวังอะไรจากชีวิตที่เหลือ เมื่อใดก็ตามที่เรายังคาดหวังก็แสดงว่าเรายังเปลี่ยนตัวตนของเราไม่สำเร็จ แต่การไม่คาดหวังไม่ได้หมายความว่าไม่คิดทำอะไร เพียงแต่หากคิดทำอะไรให้ไครก็ให้เป็นการทำโดยไม่มีผลประโยชน์ของความเป็นบุคคลของเราเกี่ยวข้อง เพราะถ้าคิดทำอะไรเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่ก็แปลว่ายังเปลี่ยนตัวตนไม่สำเร็จ บอกตัวเองว่าเป้าหมายชีวิตคือเดี๋ยวนี้ อย่าเก็บอดีตไว้ในใจ ไม่ว่าเรื่องน่ารื่นรมย์หรือน่าเสียใจ ทิ้งไปให้หมด อย่ากังวลถึงอนาคตว่าความเป็นบุคคลของเรานี้จะถูกกระทบอย่างไร ให้อยู่แต่ที่เดี๋ยวนี้ สนองตอบต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกโยนเข้ามาใส่เดี๋ยวนี้ทีละช็อต  การอยู่กับเดี๋ยวนี้คือวิธีเตรียมตัวเพื่ออนาคตที่ดีที่สุด เพราะเมื่ออนาคตมันจะมาถึงจริง มันจะมาถึงที่เดี๋ยวนี้ ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎต่อเราที่ที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าวินาทีต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น ออกจากกรอบความคิดที่อาศัยร่องเดิมๆของความจำเก่าๆ ไปมีชีวิตอยู่ในความเป็นไปได้ที่ไม่มีขีดจำกัด นี่คือความสนุกสนานมหัศจรรย์ของชีวิต 
     8.ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ อย่างน้อยก็ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้าให้ได้ ยิ้มเป็นประจำ หากยิ้มอย่างกว้างขวางยังไม่ได้ก็ยิ้มที่มุมปากหรืออมยิ้มทุกครั้งที่คิดขึ้นได้ หัดหัวเราะให้บ่อยๆได้ก็ยิ่งดี ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำตัวเองให้เป็นคนที่ "สงบเย็นและเบิกบาน  ซึ่งเป็นคุณภาพชีวิตที่สำคัญ ความสงบเย็นและเบิกบานในวันนี้ จะเป็นความจำสำหรับวันพรุ่งนี้ นั่นหมายความว่าเรากำหนดชีวิตวันพรุ่งให้เป็นชีวิตที่สงบเย็นและเบิกบานได้ด้วย

*********

ดร.สุเมธ

 สักกี่คนที่อายุ 78 ปีแล้วจะสดชื่น อย่างที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล 

1.อย่าลืมเอาจิตไปพักผ่อนบ้าง
หลายคนเมื่อเกษียณแล้ว มักใช้เวลาหาแต่ความสุขทาง “กาย” พากายไปเที่ยว ไปพักผ่อน ไปสูดอากาศ ไปกินอาหารดีๆ แต่กลับละเลยไม่คิดที่จะเอาจิตไปพักผ่อน ทั้งที่กายกับจิตนั้นสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อกัน  ดร.สุเมธ บอกว่า โดยส่วนตัวทุกครั้งที่มีจังหวะได้พักผ่อนเว้นวรรคชีวิตนานๆ จึงมักถือโอกาสเอาจิตไปพักด้วยการบวช ครั้งล่าสุด บวชตอนอายุ 65 เป็นพระสายวัดป่าอยู่ที่สกลนคร

2.ใช้ชีวิต อย่างมี “สติ”
  ไม่ว่าจะเป็นการมีสติในการกิน แทนที่จะกินตามใจปาก สนองความอยากของตัวเอง แล้วต้องให้หมอจ่ายยาลดไขมัน ลดน้ำตาล ทำไมเราไม่ลองหันมาลดที่ “ปาก” ของตัวเอง ด้วยการใช้สติในการพิจารณาอย่างมีเหตุมีผลทุกครั้งในการกิน

3.น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต โดยมี “เหตุผล” เป็นเครื่องนำทาง
  เหตุผลเป็นผลผลิตของปัญญา ดังนั้น จึงต้องรักษาศีลเสียก่อน และมีสติ สมาธิ ผลสุดท้ายจะทำให้เกิดการพิจารณาโดยใช้ปัญญาเป็นที่ตั้ง เมื่อดำเนินทุกอย่างด้วยเหตุด้วยผล ก็จะเกิดความพอเพียง

4.ฝึกการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ด้วยหลัก “ทาน” ของทศพิธราชธรรม
  เกษียณแล้ว อย่าเอาแต่อยู่บ้านเฉยๆ แต่ให้พยายามหาเรื่องช่วยคนโน้นคนนี้ เท่าที่ร่างกายของเราจะทำได้ รักษาร่างกายให้แข็งแรง เพื่อทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น

5.ฝึกระลึกถึง “มรณานุสติ”
  ใครๆ ก็ตายได้ ไม่ว่าใครก็ต้องเจอความตายเท่าเทียมกันหมดทุกคน เมื่อมองเห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดา จะทำให้เรานิ่งกับความตาย

6.อยู่อย่างสง่า ตายอย่างสงบ
  ตอนมีชีวิตอยู่ต้องมีความสง่างามในตัวเอง ทุกอย่างต้องช่วยเหลือตัวเองได้ ใครเห็นก็ให้ความเคารพนับถือ และเมื่อถึงเวลาตายก็ตายอย่างสงบ อย่าไปกลัวความตาย  จะยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่อตายแล้วเกียรติยศเงินทองสะสมไว้แค่ไหนก็ต้องส่งคืนหมด สิ่งเดียวที่เหลือไว้ คือ ความเป็นตัวตนของเรา ถ้าประกอบคุณงามความดีไว้คนก็ยังนึกถึง แต่ถ้าประกอบความชั่วไว้มาก คนก็ยังด่าทอไปจนถึงลูกหลาน

7.ร่าเริง รื่นเริง คึกคัก ครึกครื้น
คาถาที่ว่านี้  ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงรับสั่งเสมอ เพราะจิตเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา มองเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก จึงจะสามารถทำงานได้สำเร็จรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เมื่อตัวเราร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส บรรยากาศรอบตัว คนรอบข้างที่อยู่กับเราก็รื่นเริงไปด้วย

8.อักโกธะ หรือ ความไม่โกรธ
 เป็นอีกหลักข้อหนึ่งในทศพิธราชธรรม เพราะเมื่อโกรธแล้ว มักจะเสียหายหากคุมอารมณ์ไม่อยู่ในเรื่องไร้สาระ  เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเรื่องมากระทบใจ แค่ลองพลิกอารมณ์มองให้เห็นเป็นเรื่องสนุกๆ เท่านี้ทุกอย่างก็จบ

9.อวิโรธนะ คือ การดำรงอยู่ในความถูกต้องเสมอ
 เป็นหลักทศพิธราชธรรมที่ต้องรักษาให้มั่น หากอย่างปฏิบัติตามในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยยึดหลักธรรมะที่ต้องมีทั้งสองอย่าง คือ ทั้งความดีและความถูกต้อง เพราะบางอย่างดีแต่ไม่ถูกต้อง บางอย่างถูกต้องแต่ไม่ดี การกระทำของเราต้องตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา เป็นธรรมหรือเปล่า นั่นคือ ดีและถูกต้องหรือเปล่า

10.รักษากายและจิต
 ผู้สูงอายุต้องรักษากายให้ดี เพราะเงินทองไม่มีประโยชน์ เอาแค่พอเพียงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ที่เหลือเป็นส่วนเกินที่เราไม่ได้ใช้ เรื่องจิตก็สำคัญเช่นกัน ต้องโปร่งใส อย่าไปขุ่นมัวโดยที่ไร้ประโยชน์  คำนึงไว้ว่า เวลาอยู่ในโลกนี้สั้นแล้ว ดังนั้น อย่าเสียเวลาเป็นทุกข์ แต่ให้ Enjoy last minute

11.อย่าหยุดทำงาน
  เกษียณแล้ว อย่าเอาแต่นั่งๆ นอนๆ เพราะเมื่อไหร่ที่เราหยุดทำงาน ร่างกายของเราก็จะหยุดตามลงไปด้วย เหมือนรถที่จอดเฉยๆ สตาร์ตไม่ติด  ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีรับสั่งว่า อย่าหยุดด้วยจิต และกายก็อย่าหยุดด้วย ทำให้ ดร.สุเมธ ยังคงทำงานทุกวัน ส่งผลให้แข็งแรงจนถึงวันนี้

12.ใช้ชีวิตโดยรักษาความเป็นธรรมดาเอาไว้
  อย่ายึดติดยศถาบรรดาศักดิ์ แต่ให้ทำชีวิตอยู่อย่างธรรมดา เรียบๆ ง่ายๆ เพราะจะยิ่งใหญ่มาจากไหน เกษียณแล้ว ทุกอย่างสูงสุดคืนสู่สามัญ  ไม่ต้องเป็นวีไอพีหรอก  เพราะจะเป็นวีไอผีอยู่แล้ว

13.ยึดถือคำว่า “ประโยชน์สุข” เป็นเป้าหมายของชีวิต
  อะไรไม่มีประโยชน์อย่าทำ อย่าคิดทำ ให้ทำแต่สิ่งที่มีประโยชน์ ผลสุดท้ายสิ่งที่เราจะได้รับคือความสุข


  แง่คิดดีๆ จาก ดร.สุเมธ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า คุณค่าและความสุขในชีวิต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขอายุ แต่อยู่ที่ไลฟ์สไตล์และหัวใจที่ไม่มีคำว่าเกษียณ
... ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “สูงวัยอย่างมีคุณค่า น้อมพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง” ในงานประชุมวิชาการประจำปีที่ประชุมผู้บริหารองค์กรของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ (ทอพ.) “ประชารัฐร่วมใจ สู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ” 
Cr:สสส จากต้อม


ชอเฮงโรงงานเส้นหมี่



“จุดประสงค์ ที่สำคัญที่สุดคือ มีงานทำ

ตายยายกับเจ้ายักษ์...หมา



เมื่อเราเริ่มแก่ตัวลง...ที่สุดของชีวิตแล้ว...เราได้กลายเป็นคนแบบไหน...
ตามรูปบนสิ่งที่เด็กๆได้รับการบ่มเพาะในวัย0-7ปี
จะเป็นภาพสะท้อน ชีวิตของเขาในวัย35-42ปี
และหากได้เห็นเรื่องราวของเด็กคนนั้นในช่วง7-14ปี
เราก็พอทำนายชีวิตวัยทำงานช่วง28-35ปีได้
ในทางกลับก็เช่นกัน หากเราพบผู้ใหญ่ที่มีปัญหากับตนเอง ในวัย42
ก็ให้หาทางช่วย โดยมองย้อนกลับไปในช่วงปฐมวัย
เรามักได้ยินวลี“สงสัยตอนเด็กพ่อแม่ไม่อุ้ม“
ผู้ใหญ่บางคนที่มีช่วงเด็กที่โหดร้าย ได้รับการเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย หรือถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ...
อารมณ์เหวี่ยงๆที่แม้เจ้าตัวจะสำนึกได้ ก็ไม่สามารถจัดการกับตัวเองได้
ทุกครั้งไป...
https://m.facebook.com/photo.php?fbid=10157195806576359&id=179962701358&set=a.182941841358&source=48


ชีวิตก่อนเข้าบ้านพักคนชรา.


“ถ้าเกิดยายไม่มีลิโอ ยายก็จะนอนอย่างเดียว ไม่มีกิจกรรมทำ ตั้งแต่มีลิโอ ยายก็ได้มีกิจกรรม
ได้เดินเล่น ได้อาบน้ำ ได้พูดได้คุย ไม่เป็นโรคซึมเศร้า







 ***************************************************************
ประวัติมหาเดวัย92
Look East มองเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นต้นแบบในการพัฒนาประเทศ
https://youtu.be/QgsZoQIj36g

มหาเดทำรองเท้าบาจาขายดี

https://youtu.be/PpxmsDUakic

ค้นพบกระเป๋าแบรนด์เนมหรูในอพาร์ตเมนหรู3แห่งของนาจิบ
https://youtu.be/HgOKjof8KGs

มาเลย์หนี้ท่วม มหาเดปรับลดเงินเดือนครม10%
จากโครงการเมกกะโปรเจ็คในรัฐบาลนาจิบ
นายกเงินเดือน180,000 เขายังจะยุบหน่วยงานทีาไม่จำเป็น แลตำแหน่งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลทางการเมืองอีกด้วย
https://youtu.be/e6F21xj_hPg

นาจิบ(อดีตนายกมาเล)กับภรรยาโกงเงิน
โดยนำไปซื้อสารต่ิต้านความชราให้ตนเอง
https://youtu.be/sO_uREChtOo


มาเลเซียตั้งกองทุนรับบริจาคเฉพาะเงินริงกิตช่วยชาติ
จากสภาวะหนี้เป็นแสนล้าน
https://youtu.be/htVKymtmKDg


มหาเดสั่งล้มรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้ประเทศพ้นภาวะล้มละลาย
1.สายกัวลาลัมเปอร์(มาเล)-สิงคโปร์
2.สายไทยภาคใต้ฝั่งตะวันออก-มาเลฝั่งตะวันตก

https://youtu.be/xxiQJuNBhsY

จับตาอันวาร์หลังได้รับอิสรภาพ 

อันวาร์เคยถูกมหาเดปลดจากรมต.คลัง ถูกจำคุก6ปีสมัยมหาเด และจำคุกอีก3ปีสมัยนายกคนต่อจากมหาเดคือนาจิบ
แต่ตอนนี้มหาเดขอพระราชทานอภัยโทษให้อันวาร์ออกจากคุก เมียอันวาร์หัวหน้าพรรคที่มีสส.มากที่สุด ได้เข้าร่วมรัฐบาลมหาเดโดยเป็นรองนายก
อันวาร์จะยังไม่เข้าร่วมรัฐบาลมาเลของมหาเดตอนนี้ เขาจะเดินสายบรรยายในมหาวิทยาชั้นนำหลายแห่งที่มีเชิญเข้ามาแล้ว
https://youtu.be/90msss-zK_A


บมเรียน7ข้อจากชัยชนะมหาเด
1ในนั้นคือการจัดการอารมณ์
https://youtu.be/hoxXZSkLNk4



 *****************************************************************************




เราถามตัวเองหลังดูคลิปจบ:ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีคุณค่า ไม่เดียวดาย ในวันเป็นผู้สูงวัย
เราตอบตัวเองว่าเลือกไม่ผิดที่มาใช้ชีวิตอยู่วัดนี้ ไม่ต้องรอว่าเมื่อไหร่ลูกจะกลับ การอยู่กับตัวเองจะมีไม่ได้เลย ทำให้มีกำลังใจปฏิบัติธรรมให้ดีขึ้น

 *****************************************************************************

พฤ.22ส.ค62 เราฟังเพลงนี้ นึกถึงตัวเอง บนความทุกข์ทุกปี ที่ต้องตรวจสุขภาพประจำปี ขั้นตอนจองคิวแบบช่วงชิงกัน ความกดดันจากการเตรียมตัวก่อนไปตรวจ ทำตัวผิดปกติในระยะสั้น จากการใช้ชีวิต เพราะมุ่งผลตรวจให้ออกมาปกติ เครียดจากการรอพบหมอเพื่อฟังผลตรวจ เครียดจากรอผลแล็บที่ส่งทางไปรษณีย์ ที่เป็นค่าตัวเลขเฉลี่ย 
เครียดหนักเมื่อผลออกมาว่าให้กลับไปพบหมออีก เมื่อพบหมอแทนที่จะสบายใจ แต่หมออยากให้เราตรวจเพิ่ม เพียงเพราะความสงสัยของหมอ
แต่เราไม่สงสัยอะไร ตรวจเพิ่ม ค่าตรวจเราออก เราเจ็บตัวเพิ่มอีก ไม่มีคำแนะนำที่เป็นทางเลือก มีแต่คำขู่ว่า ไม่งั้นคุณจะ..... เราฟังสงบนิ่ง
รอจนหมอพูดจบ เราเรียบเรียงคำให้สุภาพก่อนตอบว่า ขอจบการตรวจเพิ่ม
      เพลงนี้จึงจี้ใจจัง ความจริงทางเลือกมี ตอนนี้เราเลือกทางเลือก ที่จะใช้ชีวิต ที่ไม่ต้องตรวจสุขภาพประจำปี โดยดูแลร่างกาย จิตใจ ด้วยความสบายกาย สบายใจในทุกๆวัน


เพลงตรวจสุขภาพประจำปี

“กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมเดิมๆ
พาตัวเองมานั่ง อยู่ในที่เดิมๆ
ที่แผนกอายุรกรรม หน้าห้องตรวจเดิม
รอหมอคนเดิม เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี
หิวนิดหน่อย เพราะเมื่อคืนนี้ งดน้ำและอาหาร
6-8ชม.ก่อนจะมาถึง
เจาะเลือด เก็บอุจจาระปัสสาวะ ก่อนจะมาเอ็กซเรย์ปอด
หมอก็เรียกเข้าไปฟังผล ปีที่แล้ว
ไขมันคลอเรสเตอรอลในเลือด เกินมาเล็กน้อย
แต่ความสมบูรณ์ในเม็ดเลือด ค่อนข้างดี
ยูริกเกินไปเยอะ เลยเป็นเก๊าท์
ก็เลยปรับพฤติกรรม ของตัวเองใหม่ เพื่อให้ได้ผลที่ดีขึ้นในปีนี้...
แล้วหมอก็เริ่มบอกผลตรวจ ไปทีละข้อๆ
แต่ไม่รู้ทำไม เรากลับไม่ได้ฟังหมอสักเท่าไหร่
เรามองออกไปที่หน้าต่าง นึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา
นึกถึงวันที่วิ่ง...วันที่มองหน้าลูกหลาน จะทำตัวให้ดีขึ้น
สบายใจ ไม่มีอะไรให้ปวดหัว ดูแลตัวเองมาเป็นอย่างดี...
ทุกครั้งที่นั่งรถกลับบ้าน...เราจะมีคำถาม 
เราจำเป็นต้องมาตรวจสุขภาพประจำปีไปอีก กี่ปี
ปีหน้าเราจะมีชีวิต และได้มาตรวจอีกไหม
คนแก่อย่างผม ที่ไม่ค่อยมีอะไรเหลือ ให้ทำ อีกสักเท่าไหร่
การตรวจสุขภาพประจำปี ถือเป็นเป้าหมายหนึ่ง
ที่ทำให้เรามีชีวิต เพื่อมาตรวจสุขภาพประจำปี ในปีต่อๆไป“

วงดนตรีเดอะชราภาพ

 *****************************************************************************
หมอชิเงะอะกิอายุ ปี59อายุ102ปี

สมัยเป็นนักศึกษาเคยป่วยเป็นวัณโรค 8 เดือน นับจากนั้นหมอสนใจศึกษาการหายใจเข้า-ออก เพื่อเอาชนะตนเอง

1:56 เอาใจใส่รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการกิน การเดิน การนั่ง การนอน
เพิ่มความระมัดระวังมากสักหน่อย จะส่งผลดีต่อสุขภาพมหาศาลทีเดียว...
ท่ายืนเหมาะสม ตัวตั้งตรงจะเหมือนการมีแจกันบนศีรษะ
ท่านั่ง:พยายามนั่งเข้าไปให้ลึกที่สุด และนั่งหลังตรง
ท่าเดิน:เดินลงส้นเท้าและเชิดปลายเท้าชึ้น
ท่านอน:นอนคว่ำ ตะแคงข้าง ช่วยให้หลับสนิทมากขึ้น
กินแค่พออิ่ม 70% ของความจุของกระเพาะ ช่วยลดโรคร้าย
เกี่ยวข้องความชราได้3เท่า ไม่ว่าเบาหวาน มะเร็ง
เลือกกินให้หลากหลาย  มีทั้งโปรตีนและไขมันชนิดดี
ขาดไม่ได้คือต้องกินผักมากๆ 
ถือเป็นเป็นก้าวแรก ของการเป็นคนมีสุขภาพแข็งแรง
โดยมื้อเช้าหมอมีผักผลไม้เป็นเครื่องเคียงเสมอ
มื้อเย็นเน้นสลัด จะระวังไม่กินเนื้อสัตว์อย่างเดียว
ผักสดมีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกาย จึงขาดไม่ได้เลย
บางคนบอกว่ากินมื้อเช้าอย่างราชา มื้อเย็นเพียงเล็กน้อย
แต่หมอกินมื้อเย็นเป็นหลัก เพราะต้องทำงานต่อ ถ้ากินน้อยไม่มีแรงทำงานต่อ
(เรา:หลวงปู่ฉันผักเป็นหลักเช่นกัน ท่านทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ของคนมีสุขภาพแข็งแรง)


กำนันอินปั๋น เชียงราย คนเฒ่าจิตใจดี เบิกบานยิ้มหัวตลอดเวลา


ลุงบุญมี ดนตรีแก้ว เริ่มเรียนดนตรีอายุ55 ปัจจุบันอายุ69



ลุงติ๊ก โมเดลจิ๋ว
สิ่งสำคัญในชีวิตคือการได้เป็นตัวเองและได้ทำ...
ในสิ่งที่เรามีความสุข


อายุ79ปี เกือบทุกวันนั่งรถไฟจากตาคลี นครสวรรค์ มาขายของซอยอารีย์1 
เสื้อมี3ตัว เขาให้มา 10กว่าปีแล้ว
ถาม:ทำไมไม่ซื้อเสื้อใหม่
ยายจำปี:เสียดายเงิน เก็บสตางค์เอาไว้ทำบุญดีกว่า คนซื้อมาสวยๆเห็นไหม ไม่กี่วันก็ทิ้งแหละ...
(23:36) ถาม:ยายเสียเงินมากสุดค่าอะไร
ตอบ:เมื่อก่อนก็เล่นหวยแหละ แต่ตอนนี้ไม่เล่นแล้ว ตอนนี้สอนทุกคนไม่ให้เล่น
ถาม:ทำไมละครับ
ตอบ:เวลามีความจำเป็น จะได้มีเงินติดตัว ไปเล่นการพนัน ไม่มี...
ภาพของยายจำปี กิจวัตรที่เราเห็น เป็นหญิงชราที่ดูแลตัวเองได้ พึ่งพาคนอื่นน้อยที่สุด ขี้เกรงใจ ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าในวัยใกล้80ปี เป็นคนกลางรับพืชผักของกินจากชุมชนมาขาย ทำให้คนในชุมชนมีรายได้


 *****************************************************************************


ครูหน่อยเสกกระดาษเป็นคน
ครูเงาะ:ตื่นเช้าขึ้นมา มีเป้าหมายในชีวิต



 *****************************************************************************

หมอสอยหมอสมุนไพร81ปี


 *****************************************************************************

****************************************************



วันพฤหัสบดี ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
  
             คุณยายทวด 6 แผ่นดิน อายุ 112 ปีเกิด พ.ศ.2450 ปีมะแม เดือนห้า วันจันทร์ ครั้งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ตอนนี้ อายุ 112 ปี กับอีก 5 เดือน ปัจจุบันอาศัยอยู่กับลูกชายคนโต  อยู่บ้านเลขที่ 77 ม.4 ต.เขาเขน  อ.ปลายพระยา กระบี่โดยมีลูก 9 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 4 คน ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว4 คน สุขภาพแข็งแรงใช้ชีวิตประจำไปตามปกติ
 ไม่ต้องมีคนคอยดูแล ช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง เช่น เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ สวมเสื้อผ้าเอง ตักข้าวกินเอง ไม่เป็นภาระลูกหลาน
ยังอ่านออก เขียนได้
ตายังมองเห็นและหูก็ฟังเสียงชัดเจนพูดคุยตอบโต้ได้ดี ความจำดี 
รับประทาน น้ำพริก ผักลวก แกงเลียง 
ลูกหลาน ทำอะไรให้กินก็กินได้หมด ไม่เรื่องมาก ยกเว้นเนื้อวัว เนื้อควาย ที่ตนไม่กินมานานแล้ว กินเนื้อหมูเป็นครั้งคราวและที่ปฏิบัติประจำ คือ เวลานอนหลับไปแล้ว ตื่นตอนกลางคืนจะไม่กินอะไรอีก ชอบเคี้ยวหมากพลู  
นายอรุณ เพชรพวง อายุ 73 ปี ลูกชายยายทวดกล่าวว่าแม่อารมณ์ดี ไม่เครียด ยิ้มแย้มเสมอและไม่จุกจิก
เดินได้ปกติไม่ต้องมีคนคอยพยุง   
ตอนกลางวันไม่ได้ทำอะไรจะง่วงนอน จึงกวาดขยะรอบบ้าน แต่ลูกไม่อยากให้ทำจึงใช้วิธีเดินทางไปเยี่ยมลูกหลานเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดและมักไปที่บ้านนายก้องภพ หนูเอียด ผู้ใหญ่บ้านโคกแซะเป็นน้องชายของลูกสะใภ้ เพราะลูกหลานอยู่ที่นั่นหลายคน
ก่อนนอน ก็จะสวดมนต์บทสวดมหาหุง มหากรุณิโก มงคลจักรวาลน้อย ทำเป็นประจำก็จะส่งผลดีต่อจิตใจ
ไม่ค่อยเจ็บป่วยหนัก ถึงขั้นต้องนอน โรงพยาบาลหลายวัน มีเพียงโรคชราบ้าง เช่น โรคความดัน แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน เคยไปให้หมอตรวจ บอกว่าเป็นโรคลำไส้ตันต้องผ่าตัด แต่แม่ไม่ยอมให้หมอผ่าตัด ขอกลับมาบ้าน และอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ไม่เป็นอะไร
สภาพแวดล้อมก็มีส่วนช่วยให้คุณยายเปลี่ยวไม่เครียด ลูกหลานเอาใจใส่ ส่งผลทำให้คุณยายมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย

(จากต้อมศ.10พ.ค62)
เรา:จิตเป็นนาย หลวงปู่หัวเราะตอนเทศน์ทุกเช้า กัวเราะได้กับชีวิต ในทุกเๆรื่อง แม้แต่เรื่องถูกยิง กระเบื้องตกใส่หัว กระดูกหัก

 *****************************************************************************


https://youtu.be/zgdE-50qiRc



 *****************************************************************************







สอนโยคะอายุ87
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1883899725069060&id=158925984178511  *****************************************************************************





ยายยิ้มhttps://youtu.be/ocSOkDK2pj4

 *****************************************************************************



ขายข้าวต้มบนเรือม.แม่กลอง https://youtu.be/1KBPo4FjSjw
 *****************************************************************************







อายุ87บริจาคที่ดินสร้างร.พปากเกร็ด

 *****************************************************************************

คือลูกหลานเข้าใจผิด นึกว่าปล่อยให้คุณย่าคุณยายหรือคุณแม่แก่ๆอยู่เฉยๆ แล้วท่านจะมีความสุข ปรากฏว่าไม่จริง ...
การที่ปล่อยให้ผู้ใหญ่อยู่เฉยๆ
โดยนึกว่าเป็นการพักผ่อน อันนี้ใช้ไม่ได้ ต้องหาอะไรให้ทำ
ไม่งั้นท่านก็ไปหาอะไรทำเอง มีเพื่อนคนหนึ่งอายุมากแล้ว ก็อยู่ที่บ้านเฉยๆ ทีนี้ลูกหลานไปทำงานหมด แกหนีออกจากบ้าน หนีไปไหนก็ไม่รู้
ลูกหลานก็ต้องเที่ยวไปตามหา

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการ ไม่ใช่ว่าเป็นความสบาย
สะดวกอยู่เฉยๆ แต่ต้องการเพื่อนที่จะพูดคุยด้วย
และต้องการมีอะไรทำ
อย่างดิฉันก็ต้องหาอะไร ทำไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรก็ล้างถ้วยล้างชาม
จัดนั่นจัดนี่่ ตื่นเช้ามาก็พยายามหาโน่นหานี่
เพราะว่าถ้าหากปล่อยให้ตนเองรู้สึกหดหู่ หรือรู้สึกสงสารตัวเอง
ว่าแหมไม่มีใครอยู่ด้วย ไม่มีใครคุยด้วย มันก็เป็นอันตรายกับตัวเอง...

อยากเสนอรัฐบาลว่า บ้านเราจะต้องมีในวันข้างหน้าก็คือบ้านคนแก่
เพราะว่าคนแก่ที่ยังไม่แต่งงาน ไม่มีลูกหลาน หรือมีลูกหลานแต่ทุกคนทำงานยุ่ง
ถ้าคนแก่ไปอยู่ด้วยกัน มันก็มีเพื่อนคนวัยเดียวกัน มันพูดคุยกันรู้เรื่อง
มีคนเยอะแยะ อาจจะมีคนไม่ถูกใจบ้าง ถูกใจบ้าง จะได้ไม่เจ็บไม่ไข้

ดิฉันอายุ91 ตอนทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ...
งานอดิเรกคืออ่านหนังสือ
พอ84เริ่มขับรถไม่ได้เพราะมองไม่เห็น แต่ก็ยังพออ่านหนังสือได้นะคะ...
อยู่ไปเรื่อยๆ พอตอนหลังมันเป็นมากขึ้น ตอนนี้มองไม่ค่อยเห็นแล้วค่ะ อ่านไม่ได้เลย รู้สึกมันขาดอะไรไปเยอะแยะในชีวิต...

มาทำเพจโดยหลาน ทำให้มีคอนแท็กกับโลกภายนอก
รู้สึกว่าเราก็มีเพื่อนอีกเยอะ คือคนไทยตอนหลังชีวิตมันลำบากมากขึ้น...
ผู้ใหญ่ก็มักจะอยู่บ้านคนเดียว...

(เพิ่มเติมจากเว็บอื่น)
ต้องเชื่อฟังร่างกาย พอหิวต้องรับทาน ทานอาหารให้ครบ5หมู่
พออิ่มแล้วก็ต้องหยุด ถึงเวลานอน ง่วงๆก็ต้องนอน
ออกกำลังพอสมควร

ใจพยายามทำใจให้สบาย ตอนที่เหงา พยายามหาทางทำให้มันสบายขึ้น ใจเราสู้อยู่เสมอ มันก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัว...
คนเราต้องหัวเราะทุกวัน ถ้าไม่หัวเราะ รู้สึกมันไม่ไหว ได้หัวเราะมันก็มีความสุข

คุณยายแกะกล่อง เน็ตไอดอลวัยเกษียณ
https://youtu.be/WrwU2IdeTs4


 *****************************************************************************
Dr. Shigeaki Hinohara

ไขเคล็ดลับอายุยืน 105 ปีจากนายแพทย์ญี่ปุ่น  Dr. Shigeaki Hinoharaไม่ยากแค่ทำตาม 6 ข้อนี้!

ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีประชากรอายุยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น สภาพแวดล้อม อาหาร รวมไปถึงมีบริการสาธารณสุขที่ดี โดยหนึ่งในจำนวนชาวญี่ปุ่นหลายล้านคนที่มีอายุยืนคือ อดีตนายแพทย์รายหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง Dr. Shigeaki Hinohara ที่มีอายุถึง 105 ปี ก่อนที่คุณหมอจะเสียชีวิตที่กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2560 ที่ผ่านมา เนื่องจากอาการทางเดินหายใจล้มเหลว

ก่อนที่คุณหมอ Shigeaki Hinohara จะเสียชีวิต เขาได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับผู้คนทั่วโลก เกี่ยวกับการดูแลตัวเองและการใช้ชีวิตอย่างไรให้อายุยืน ซึ่งในวันนี้เราได้รวบรวมหลักปฎิบัติ 6 ข้อตามที่คุณหมอท่านนี้เคยกล่าวไว้มาฝาก โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. อย่ารีบเกษียณ ถ้าต้องเกษียณให้รอให้นานที่สุด โดยคุณหมอชาวญี่ปุ่นคนนี้ได้หยุดทำงานเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะเสียชีวิต

2. ควบคุมน้ำหนัก โดยคุณหมอ Hinohara จะกินอาหารเพียงวันละมื้อคือมื้อค่ำเท่านั้น ซึ่งจะประกอบด้วยปลาและผักเป็นหลัก ส่วนเนื้อสัตว์ก็จะกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

3. คุณหมอ Hinohara เชื่อว่าความสนุกสนานสามารถทำให้ลืมความเจ็บปวดได้ ดังนั้นไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ อย่าลืมหาเรื่องสนุกสนานในชีวิตบ้าง

4. แบ่งปันความรู้อยู่เป็นประจำ คุณหมอ Hinohara รักในการช่วยเหลือผู้ที่ลำบาก และมักแบ่งปันความรู้ให้แก่ผู้อื่นอยู่เสมอ

5. อย่ากังวลกับทรัพย์สินนอกกาย เพราะเมื่อไหร่ที่เราตายก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้

6. ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือบันไดเลื่อนบ้าง โดยคุณหมอ Hinohara จะใช้วิธีก้าวขึ้นบันไดทีละ 2 ขั้น เพื่อบริหารกล้ามเนื้อ

น่าเสียดายที่คุณหมอ Shigeaki Hinohara เสียชีวิตก่อนที่จะทำความฝันครั้งสุดท้ายสำเร็จ โดยเขาได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะตีตั๋วเข้าไปชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่จะจัดขึ้นที่กรุงโตเกียวในปี 2020 ให้ได้

ภาพ : WIKIPEDIA CC @KARSTEN THORMAEHLEN
เรียบเรียง : SpokeDark.TV



 *****************************************************************************

ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร

ทุกวันนี้ท่านยังไปทำงานที่ราชบัณฑิตยสภาทุกวัน ออกจากบ้านตอนเช้า ติดรถลูกเขยไปลงย่านสามเสน จับแท็กซี่ต่อไปราชบัณฑิตฯขากลับหากเสร็จงานพอดีเวลากันลูกก็รับกลับหรือไม่ก็นั่งแท็กซี่กลับถึงบ้านราวหนึ่งทุ่ม
“อันที่จริง ผมชอบวิชาคณิตศาสตร์ คำนวณ สถิติ สมัยไปเรียนฟิลิปปินส์ ผมต้องทำรังวัด วิธีการอย่างง่ายคือเขาให้ก้าวขายาวๆ 3 ก้าวเท่ากับ 2 เมตร ก็ได้ฝึกสมาธิไปด้วยในตัว ผมก็นับ 002-004-006-008 ก็เหมือนท่องยุบหนอ พองหนอนั่นเอง”

"เครื่องคิดเลข" จึงเป็น “ของเล่น” ยามว่าง เพื่อช่วยขบโจทย์ที่วงการคณิตศาสตร์เรียกกันว่า The Famous Unsolved Problem
“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เล่น ผมมีข้อเสียคือถ้าได้คิดแล้วจะไม่ยอมวาง” น้ำเสียงเล่าถึงของเล่นโปรดอย่างมีความสุข

อาหารการกินของอาจารย์เรียบง่าย ที่บ้านมีอะไรก็รับประทานอย่างนั้น ออกนอกบ้านก็รับประทานเส้นหมี่น้ำลูกชิ้น ยาปัจจุบันที่ต้องรับประทานประจำมีเพียงยาบำรุงกระดูกและยาลดไขมัน 

ตอนอายุ 90 เคยเกิดอุบัติเหตุ ขึ้นรถแล้วรถปิดประตู อาจารย์ตกลงมา ก้นกระแทกกระดูกร้าว หมอต้องเฉือนเนื้อออกและใส่เหล็กดามไว้ และรับประทานยาบำรุง พักรักษาตัวและกายภาพจนหายดี ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อหัวใจที่ยังอยากออกไปทำงานทุกวัน

“ผมทำงานเพราะคิดถึงประเทศชาติ” น้ำเสียงอาจารย์หนักแน่นจริงใจ

“ตอนอายุ 94 มีคนชวนไปเขากบ ผมยังขึ้นบันได120 ขั้นได้ ไม่เหนื่อยเลย ส่วนความจำที่ยังดี อาจเพราะผมชอบบวกเลข เวลานั่งรถไปไหนเห็นทะเบียนรถ ผมก็จะบวก พอคันนี้แล่นไป คันใหม่เข้ามา ผมก็บวกอีก ผมชอบหาเลขร่วมของชุดเลขนั้นๆ ผมได้ยินว่าท่านอาจารย์สุกิจ (นิมมานเหมินท์) ท่านชอบถอดเลขรูทเล่น”
ส่วนสมาธิกับความจำที่ดีเยี่ยม น่าจะเป็นเพราะการฝึกฝนแต่วัยเยาว์ ตามแนวทางในหนังสือ “หลวงวิจิตรวาทการ” เช่น วิชชา 8 ประการ มหาบุรุษ เทคนิคเพิ่มความจำและฝึกสมาธิ จำของ 16 สิ่งได้ 
http://www.olunla.net/lunla-home/index.php/o-inspire/item/88-prasert

คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็คือ “วิชชา 8 ประการ” ซึ่งในที่นี้ได้นำเนื้อหามาจาก สามัญญผลสูตร เป็นเรื่องราวที่พระพุทธเจ้าอธิบายให้พระเจ้าอชาติศัตรูฟังถึงอานิสงส์ไล่มาตั้งแต่เรื่องของศีลจนถึงสูงสุดในเรื่องของปัญญาใน 8 ข้อดังต่อไปนี้

  1. วิปัสสนาญาณ หมายถึง ความรู้ คือ ญานอันนับเข้าในวิปัสสนา เป็นความรู้ที่จะเห็นตามความเป็นจริงในกายของเรา ที่เป็นแค่ธาตุ 4 (ดิน น้ำ ไฟ ลม, อาศัยมารดาบิดาเกิดขึ้น ไม่เที่ยงเปลี่ยนแปลงไปได้ เป็นอนัตตา เป็นอนิจจัง) ในทางใจของเราก็เหมือนกัน หมายถึงการเข้าไปรับรู้ แยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนทีเป็นกายและส่วนที่นามธรรม(มีวิญญาณรับรู้ทางใจ)แต่ทั้งสองอย่างมันไม่เนื่องกัน แต่มันร้อยเข้าไปอยู่ด้วยกัน…ใจก็เป็นส่วนหนึ่ง กายก็เป็นส่วนหนึ่ง…นี้คือ ความเห็น คือความเข้าใจ คือ ทิฎฐิ ที่พอปรับมองมุมอย่างนี้ ไม่ใช่แค่จำได้ (สัญญา) แต่ต้องทำให้ได้ ให้เข้าไปในจิตจริง ๆ ให้ลึกซึ้งถึงความที่มันแยกกันเป็นอย่างนี้
     
    ผลที่เกิดขึ้นของวิปัสสนาญาณ จะทำให้เราไม่ไปยึดถือในสิ่งที่เราเห็นตามความเป็นจริงนั้น ในกายนั้น ในใจนั้น ไม่ว่าใจนั้นจะไปรับรู้เรื่องอะไร วิญญาณที่มันไปรับรู้ก็จะคลายความยึดถือได้ ความรู้ตรงนี้จำเป็นในการที่เราจะมีความรู้ในข้ออื่น ๆ ต่อ ๆ ไป เพราะว่าความรู้ในข้ออื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นตาทิพย์ หูทิพย์ รู้วาระจิตคน บางทีถ้าเรามีความรู้คือวิชชาในข้อต่อ ๆ ไปแล้ว มันอาจจะทำให้เราเพลิน หลง หรือทำให้เราตกใจกลัวได้ วิปัสสนาญาณในข้อแรกนี้จึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญ”การเล่าเรียนธรรมะก็เหมือนกับการไปจับงูพิษ เราจะได้ประโยชน์หรือได้โทษ ตรงนี้สำคัญ สิ่งที่จะป้องกันให้เราไม่ได้รับโทษ คือ วิปัสสนาญาณ ตรงนี้

  2. มโนมยิทธิญาณ (ฤทธิ์ที่สำเร็จทางใจ)ในที่นี้รายละเอียดก็คือ แยกกาย ได้นั่นเอง…การที่จะทำความสามารถประเภทนี้ได้ ต้องมีพื้นฐานมาจากสมาธิทั้งสิ้น
     
    Visualization คือ การที่คิดออกไป กำหนดภาพของเราออกไป…ในคำสอนของพระพุทธเจ้าใช้คำว่า “อุคคหนิมิต” คือ กำหนดนิมิตเครื่องหมายไว้ให้เราเห็นภาพอย่างนี้ ๆ แล้วก็ทำตามไป ต่อไปมันก็จะทำได้ขึ้นมา ตรงนี้คือจุดที่เราน้อมจิตไปเพื่อเนรมิตรูปให้เป็นแบบนั้น ซึ่งจะเข้าค่ายมาในทางมโนมยิทธิ

    ประการหนึ่งในเรื่องของฤทธิ์ทางใจ ที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยเชื่อ 100%ว่ามันจะเป็นไปได้หรือ เราอาจจะมาดูตัวอย่างเปรียบเทียบที่อาจเห็นได้จากข่าวอยู่เป็นครั้งเป็นคราว เช่นว่า ไฟไหม้ คนสามารถยกตุ่มน้ำขึ้นคนเดียววิ่งไปได้ด้วยความตกใจ ซึ่งตุ่มนั้นถ้าจะยกขึ้นต้องใช้คนถึง 4 คนถึงจะยกตุ่มขึ้นได้ แต่ทำไมในตอนนั้นเขาถึงมีพลังขึ้นมา, หรือว่าคนที่เดินทางไปในป่า อดอาหารหลงป่าอยู่หลายวัน ใกล้จะตายแล้ว พอมีสัตว์ร้ายเข้ามา ก็มีกำลังที่จะวิ่งต่อไปอีก…ที่เราพูดถึงอยู่นี้คือ กำลังใจ คือ ฤทธิ์ทางใจ เทคนิคที่นำมาใช้ให้ประสบความสำเร็จในการเล่นกีฬา ในการทำธุรกิจ ในการทำในสิ่งที่มันยาก ๆ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาต้องมีพื้นฐานมาจากเรื่องของสมาธิให้มันดี

  3. อิทธิวิธญาณ (แสดงฤทธิ์ได้) พระพุทธเจ้าก็เคยได้ทรงแสดงฤทธิ์ในข้อนี้ เช่น ตอนที่พระยสะได้คุณธรรมแล้ว บิดาของท่านมาตามหา ท่านก็ใช้ฤทธิ์ทำเครื่องกำบังให้ไม่เห็นกัน, หรือว่าเรื่องของพระจูฬปันถก ที่ท่านของแยกกายออกมา แต่ทำให้เป็นเหมือนหลายคน, หรือตอนที่พระพุทธเจ้าไปโปรดโจรองคุลีมาร ท่านก็ใช้ฤทธิ์ในการที่จะเดินไปได้เร็ว องคุลีมารไม่สามารถวิ่งตามได้ทัน ยังรวมถึงสาวกอีกหลายท่านไม่ว่าจะเป็น พระมหาโมคคัลลานะ, พระปิณโฑลภารทวาชะ…นี้เป็นฤทธิ์ที่ทำได้จากการอาศัยเหตุปัจจัย คือ สมาธิ
     
    พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่าในอิทธิวิธีที่เปรียบเหมือนปาฏิหาริย์ หากคนที่ไม่มีศรัทธา พูดแล้วเขาก็จะไม่เชื่อ คิดว่านี้เป็นมายากล เป็นกลลวง มันจะทำให้เกิดความไม่ดี ไม่เกิดประโยชน์ จึงมีศีลของหนึ่งของพระ คือ ห้ามแสดงฤทธิ์ จะต้องอาบัติเล็กน้อย เพราะคุณวิเศษในข้อนี้อาศัยเรื่องของสมาธิ ไม่ใช่อาศัยเหตุปัจจัยอย่างอื่น เช่น มายากล หรือเรื่องทางกลศาสตร์ ทางฟิสิกส์ เป็นต้น

  4. ทิพยโสตญาณ (หูทิพย์)…ข้อนี้จะไม่ใช่การที่เราเอาความคิดของเราเข้าไปใส่ในความคิดของเขา ไม่ใช่การโทรจิตคุยกัน, หรือมีตัวอย่างตอนที่พระพุทธเจ้าไปปรากฎต่อหน้าท่านพระมหาโมคคัลลานะบ้าง หรือสาวกองค์อื่น ๆ บ้าง คือ ท่านก็ใช้อิทธิวิธีไปแล้วก็ไปพูดอยู่ที่นั้นเลย ให้บุคคลนั้นเข้าได้ยิน ซึ่งอันนี้ไม่ใช่ทิพยโสตญาณ แต่เป็นอิทธิวิธี แต่ทิพยโสตเป็นเรื่องของการได้ยินเฉย ๆ (ฟัง) คนคุยมาจากที่ไกลเราก็รู้ได้ว่าเขาคุยอะไรกัน เป็นความสามารถที่เกิดจากจิตที่เป็นสมาธิแล้วน้อมไป สามารถได้ยินได้ทั้งเสียงที่มาจากที่ไกล ทั้งเสียงที่เป็นของทิพย์ (เป็นเสียงที่นอกเหนือจากหูของมนุษย์ที่จะได้ยิน)

  5. เจโตปริยญาณ (การกำหนดรู้ใจผู้อื่น) คือ รู้ตรงจุดที่ว่าเป็นสมาธิหรือไม่เป็นสมาธิ ตรงนี้ผู้ที่เขามีความรู้ในเรื่องนี้เขาจะทราบได้ อาจจะไม่ได้คิดตอนนั้น แต่ว่ามันมีอะไรที่ข้องกันมา มีอะไรที่อยุู่ในจิตมา อันนี้จะรู้ได้ด้วยว่าราคะ โทสะ หรือโมหะที่ติดมา ๆ
     
    ผลของข้อนี้ก็จะทำให้รู้ว่าใครบรรลุธรรมในขั้นไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ว่าความละเอียด ความรอบคอบ ความคมของญาณปัญญาในต่อละข้อนั้น ๆ ในแต่ละคน ๆ จะแจ่มแจ้งไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับฌานสมาธิ หรืออยู่ที่ว่าการฝึกนั้นมีกำลังมีความแก่มีความอ่อนมีความเข้มข้นของฌานสมาธิในขั้นนั้น ๆ อย่างไร ๆ เพราะฉะนั้นความชัดเจน ความที่จะเห็นได้อย่างเต็มที่มันก็จะไม่เท่ากันในแต่ละคน ๆ ที่มีความสามารถในข้อนี้

  6. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (การระลึกชาติได้) คือ การระลึกถึงชาติก่อนที่เคยเกิด ที่เคยมีมาเป็นมาอย่างไรได้ ความละเอียดขึ้นอยู่กับกำลังฌานสมาธิในแต่ละคน ๆ

  7. จุตูปปาตญาณ (ตาทิพย์) เป็นเรื่องของการรู้การจุติการอุบัติขึ้นว่า คนนี้เป๋็นมาอย่างไร ต่อไปจะเป็นอย่างไร รู้อนาคต เพราะว่าเห็นเส้นทางที่เขาจะดำเนินไปจากจุดนี้ไปจุดนั้น หรือว่ารู้ที่ตรงนั้นมีสิ่งนี้มีสิ่งนั้น ก้เพราะว่าเห็นทางดำเนินไปของจิตในจุดนั้นเป็นอย่างไร ๆ ทำให้รู้ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้นได้

  8. อาสวักขยญาณ (การรู้จักทำอาสวะให้สิ้นไป) เป็นวิชชาที่ 8 ที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่า ไม่มีอะไรที่จะเลิศประณีตไปกว่านี้แล้ว ทำอาสวะให้สิ้นได้ รู้อริยสัจ 4 กำจัดเรื่องของกิเลสอวิชชาออกไปจากจิตของเรา ตรงนี้คือสิ่งที่เราต้องทำให้ได้
http://puredhamma.com/1801a1029mo/

หลวงวิจิตรวาทการ.หนังสือเสียงวิชชา8ประการ 12มค.2510
วิชชาแปลว่าธรรมะขั้นสูงของพระพุทธเจ้า
http://www.braille-cet.in.th/Braille-new/?q=audio-book-leisure-643

 ****************************************************************************
she can,you can อายุ80เต้นได้ขนาดนี้เชียวเหรอ


 *****************************************************************************

> เมื่ออายุมากขึ้น
ขอให้ทำตัวหกอย่างแบบนี้ <

1.ทำตัวเหมือนหมากรุก
คือจะลุก จะยืน จะเดิน จะนั่งคิดดีๆ เดินช้าๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆเดิน อย่าพรวดพราด ล้มลุกคลุกคลานขึ้นมา ไม่ได้ล้มแค่เราคนเดียว มันล้มทั้งกระดาน เสียกระบวนไปทั้งบ้าน

2.กินอยู่เหมือนพวกตีนแมว
     คือกินเหมือนย่องเบาอ่ะครับ กินช้าๆ ค่อยๆกิน กินทีละน้อยๆ กินเบาๆ กินบ่อยได้ แต่อย่ากินเยอะ อย่ากินมูมมามเหมือนนักการเมืองบางคน กินแบบตะกละมูมมาม พาลสำลัก สำรอก ไอโขลกขลาก ขึ้นปากขึ้นจมูกไปโน่นเลย

3.นอนเหมือนเมาเห็ด
     อายุมากแล้วต้องนอนให้พอ หลับให้สนิท อย่าคิดมากจนนอนไม่หลับ รู้สึกง่วงก็ให้นอน โดยเฉพาะกลางคืนนอนอย่าให้เกินสี่ทุ่ม กลางวันถ้ารู้สึกง่วงให้หาเวลาหลับสักสิบห้านาที หรือครึ่งชั่วโมง จะสดชื่นขึ้นเยอะ

4.ออกกำลังกายให้เหมือนติดฝิ่น
     คือออกกำลังกายจนเสพติด เหมือนติดฝิ่น วันไหนไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้เอาเหงือออก จะรู้สึกหงุดหงิด ครั่นเนื้อครั่นตัว อะไรทำนองนั้นเลย แล้วเราจะเป็นคนสูงอายุที่สุขภาพเราจะแข็งแรง

5.บินออกจากรังให้เหมือนนก
     นกที่นอนอยู่กับรังเป็นนกที่กำลังกกไข่ เราอายุปูนนี้แล้วจะเอาไข่ที่ไหนมากก ไอ้ไข่ที่มีก็ไม่มีโอกาสฟักเป็นตัวแล้ว  รีบบินออกจากรังเหมือนนก เมื่อยังบินไหว อย่านั่งจับเจ่าอยู่กับบ้านทีังวันทั้งคืน ทั้งที่ยังบินได้ จนกลายเป็นคนติดเก้าอี้ ติดเตียงไป
    จะบินไปใกล้ ไปไกล ขอให้บินออกไปบ้าง ยิ่งไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศได้ยิ่งดีเลย คนที่ได้ไปเที่ยวไกลๆจะเป็นคนสดชื่นไม่เหี่ยวเฉาเหงาตาย เหมือนพวกติดเตียง ไม่นานก็กลับบ้านเก่า

6.ให้อารมณ์เหมือนกิ่งไม้ไหว
    ไหวพริ้วไปตามลมบ้าง นิ่งบ้าง เงียบบ้าง บางครั้งสูญเสีย ไม่ได้ดั่งใจบ้าง ก็ให้เข้าใจได้ว่า มันเป็นกฏของธรรมชาติ ที่ย่อมเกิด ตั้งอยู่ และดับไปนั่นเอง เหมือนเวลากิ่งไม้หัก ไม่เห็นมันร้องไห้ฟูมฟาย เสียอกเสียใจ แต่มันจะรีบงอกกิ่งใหม่เพื่อฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาทดแทนให้เร็วที่สุด เราเองก็เช่นกัน เมื่อถึงเวลาสูญเสียสิ่งใด ก็ต้องเข้าใจมันให้เร็วที่สุด เอาธรรมะที่เป็นธรรมชาติมาทดแทนความไม่เข้าใจเมื่อครั้งในอดีต แล้วชีวิตในบั้นปลายก็จะมีความสุข ด้วยความเข้าใจธรรมะ ที่เป็นธรรมชาติ ของความเป็นธรรมดานั่นเอง
           ดร.พนม ปีย์เจริญ
                  8:5:2018


*********************************************************************************************


“ถ้าเรามีความจริงใจ จริงจังที่จะทำ ร่างกายก็จะขยับขึ้นมาเอง
(หลวงปู่เซียนสอนว่าอย่าเป็นโรคสำออย)...วันที่รายการจะไปพบ ท่านหกล้มในห้องน้ำ อายุ102ปี พอหายดีก็ร้องขอลูกชายอายุ77เป็นเหมือนเลขา ให้พาไปว่ายน้ำ เพราะฝึกเป็นประจำ จึงหายเร็ว...ยายเริ่มว่ายน้ำตอนอายุ88 เพราะมีอาการปวดขา เพราะคิดว่าจะทำให้หายปวดขาได้ ซึ่งหายจริงๆด้วย

ท่านจะพยายามช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง จนกว่าจะต้องการความช่วยเหลือ
ถึงจะเรียกคนอื่นช่วย เป็นความภูมิใจที่ได้ทำด้วยตัวเอง
ซึ่งคนรอบข้างจะต้องเข้าใจสิ่งนี้ด้วย เช่นเปิดประตูเข้าบ้านเอง ถอดและเก็บรองเท้าเอง เดินขึ้นบันไดเอง...(เราทำผิดที่ไม่ยอมให้ผู้สูงวัยทำอะไรเลย คอยแต่มีคนทำให้ทุกอย่าง หลวงปู่เซียนสอนว่าร่างกายเคลื่อนที่)

อายุเลยเลข8แล้วยังทำสิ่งใหม่ๆได้ คือการทำลายสถิติว่ายน้ำของคนในรุ่นเดียวกัน อายุ85-89ปี เป็นแชมป์
...อายุมากขึ้นร่างกายอ่อนแอลง แต่ความเร็วในการว่ายน้ำ เร็วขึ้นเรื่อยๆ...
ท่านคิดว่าตัวเองอายุเท่าคน80ปี...
ท่านคิดว่าการว่ายน้ำเพื่อสุขภาพ สนุก แก้เครียด เพื่อร่างกาย...
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ(หลวงปู่เซียนสอนว่าทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง)

ปัจจุบันอายุ102ปี กินข้าว2มื้อ มือเช้าใช้เวลากินข้าว3ชม. ส่วนใหญ่กินปลาดิบกับข้าว ไม่จำเป็นต้องเลีบนแบบ เพราะร่างกายแต่ละคนสูงใหญ่ไม่เหมือนกัน
ท่านเริ่มเปลี่ยนวิธีกินตอนอายุอายุ102ปี(หลวงปู่เซียนสอนว่าทำกับข้าวให้ไว กินให้ช้า)

ทางรายการพบว่าผู้สูงวัยเดินออกกำลังกายวันเว้นวัน
นอกจากว่ายน้ำอาทิตย์ละ3ครั้ง ครั้งละ500-1,000ม.ครั้งละ1ชม.อย่างต่อเนื่อง
(หลวงปู่เซียนสอนว่าเมื่อถึงเวลาทำอะไร ให้ทำ)
ท่านเดิน ด้วยความสุข สนุกกับสิ่งที่ทำ มากกว่าตั้งใจเอาชนะ สักวันหนึ่งชัยชนะจะมาหาเราเอง...
ท่านบอกว่าต้องขยับ เพราะการขยับร่างกาย จะทำให้สมองได้ใช้งานด้วย
ไม่จำเป็นต้องว่ายน้ำเหมือนท่าน แค่เดิน นับว่าเป็นการขยับที่ดีมากแล้ว...ทางรายการขอจับต้นขาของท่าน พบว่าแข็งมีกล้ามเนื้อ ไม่ใช่เนื้อเหลวๆ และให้บีบมือ ก็บีบแล้วรู้สึกมือผู้ให้บีบเจ็บ

ท่านว่าแค่คิดจะทำ แล้วลงมือทำ ไม่ลองไม่รู้ ถ้าคิดว่าทำได้ ก็จะสำเร็จ
ท่องคำเหล่านี้ไว้ ทุกอย่างก็จะไม่ใช่แค่ความฝัน (หลวงปู่เซียนสอนว่าคิดจะทำอะไร พิจารณาว่าทำได้ ลงมือทำทันที ไม่โกหกตัวเอง)
พ.19ก.ย61

*********************************************************************************************

ยายอายุ85อาชีพขายบ้านมือ2 ตั้งบริษัทเอง ไม่รู้หนังสือ เป็นแม่บ้านอย่างเดียว จนสามีตายเมื่อ6ปีก่อน ต้องเรียนการใช้มือถือ ใช้คอม อายุ78ต้องสอบเพื่อรับใบประกอบอาชีพนี้ จึงจะทำอาชีพนี้ได้ สถิติการสอบเพื่อรับใบประกอบอาชีพ เข้าสอบ100คนสอบตก85คน...
ไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระคนอื่น
ยายบอกวิธีซื้อบ้านมือ2 ว่ามาจากประสบการณ์ที่เคยถูกหรอก
https://youtu.be/lfHRJZeXeRs
อัง.18ก.ย61

*********************************************************************************************




หยุดรถให้ผู้สูงวัยข้ามถนน
https://youtu.be/jqWOHphHr6I
*********************************************************************************************


อายุ100ปี ยังทำต้มผัดทอด ปลูกผัก กินเอง
https://youtu.be/wGqFFcAaTn8
 

เรา:ยายได้กินในสิ่งที่อยากกิน ความอยากลด จึงลดความเครียด ไม่มีโรคจากเครียด กำหนดชีวิตได้ด้วยตัวเอง เห็นว่าชีวิตตัวเองมีคุณค่าที่จะอยู่ ไม่บ่นเพราะจิตอยู่กับตัว ทำไปเรื่อยๆ ที่เราเห็นตัวอย่างการใช้ชีวิตทำกินเองนี้ ยายยิ้ม หมอเฉก หมอสันต์ หมอบุญชัย ป้านิดดาและสามี หลวงปู่


*************************************************************************************

ยายเนี่ยว 90 ปี สุดแกร่ง แชมป์กวาดเหรียญทอง | SUPER 60+

ขว้างจักร พุ่งแหลน ทุ่มน้ำหนัก
https://www.youtube.com/watch?v=RR7A5gGSxEI

***************************************************************


เยี่ยมยายของลีโอ

https://youtu.be/fQbACaG4ddA


ลีโอ เจ้าหนูของยาย
https://youtu.be/FxgOspHA0wY

*************************************************************************************

คำแนะนำจากอดีตนายแพทย์ญี่ปุ่น Dr. Shigeaki Hinohara ที่มีอายุถึง 105 ปี 
ก่อนที่คุณหมอจะเสียชีวิตที่กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2560 เนื่องจากอาการทางเดินหายใจล้มเหลวโดยมีรายละเอียดดังนี้

1คุณหมอหยุดทำงานเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะเสียชีวิต

2. ควบคุมน้ำหนัก คุณหมอจะกินอาหารเพียงวันละมื้อคือมื้อค่ำเท่านั้น ซึ่งจะประกอบด้วยปลาและผักเป็นหลัก ส่วนเนื้อสัตว์ก็จะกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

3. ความสนุกสนานสามารถทำให้ลืมความเจ็บปวดได้

4. แบ่งปันความรู้อยู่เป็นประจำ ช่วยเหลือผู้ที่ลำบาก

5. อย่ากังวลกับทรัพย์สินนอกกาย เพราะเมื่อไหร่ที่เราตายก็นำติดตัวไปไม่ได้

6. ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือบันไดเลื่อน คุณหมอจะใช้วิธีก้าวขึ้นบันไดทีละ 2 ขั้น เพื่อบริหารกล้ามเนื้อ

เรียบเรียง : SpokeDark.TV
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1605383186193430&id=895791053819317

*****************************************************************

Hipster เที่ยวลืมวัย กาญจนา พันธุเตชะTEDxChulalongkornU
ถ้ามัวต้องรอคนอื่น จะได้ไปไหมนี่
ต้องมีทุน ป้าแต๋วมี2อย่าง ทุนนี้ไม่ใช่จู่ก็ทำได้ มันเกิดจากการสะสม
1.ต้นทุนด้านเงิน เก็บไว้ตั้งแต่คิดว่า จะต้องมีเงินสำรองไว้ ถ้าครอบครัวเกิดอะไรขึ้น จึงใช้จ่ายอย่างประหยัด ช่วงนั้นแฟชั่นมีเมียน้อย ถ้าเกิดเหตุจะได้มีบ้านอยู่ คิดแค่นั้นในตอนนั้น
2.ต้นทุนสุขภาพ ป้าแต๋วออกกำลังกายทุกวัน
ความกลัวคือเรื่องที่เราคิดไปก่อน
ภาษาที่ใช้ในการเดินทาง คือภาษาอังกฤษพื้นฐาน ที่พอสื่อสารกันได้ บางครั้งใช้ภาษามือ แค่นี้ก็เที่ยวได้สบาย ป้าแต๋วเป็นคนบ้านนอก
ที่แรกที่เดินทางคนเดียวคือเชียงราย 
เมียนมาร์เป็นประเทศแรกที่ไป
บางครั้งการถูกหรอกมันก็....
ป้าแต๋วขอเที่ยว ก่อนที่ร่างกายจะไม่ไหว

https://m.youtube.com/watch?v=ZlBGx9Npl6A

*******************************************************************************************************************************

หวังอยู่73ตอนนี้นอนเป็นอัมพาต ในรคลิปเขาอายุ70 ไม่คิดว่าจะป่วย

************************************************************************

นายแบบอายุ80
https://youtu.be/GY1r6RrBGkc

******************************************************************************

     สูตรเกษียณเหรอ ถามหมอสันต์แต่ละวันก็จะได้คำตอบไม่เหมือนกันนะ เพราะมันเป็นการตอบจากใจส่วนลึกโดยไม่ได้คิด วันนี้จะตอบสูตรของวันนี้ ว่า

     1. จัดเวลาเพื่อตัวเองวันละ 1-2 ชั่วโมง ทุกวัน ตอนเช้าหลังตื่นนอนใหม่ๆดีที่สุด เพื่อออกกำลังกายและฝึกสมาธิ ข้อนี้สำคัญที่สุด ถ้าคุณทำข้อนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปอ่านข้ออื่น เพราะถ้าคุณทำข้อนี้ไม่ได้แสดงว่าคุณเป็นทาสความคิดของคุณเองจนโงหัวไม่ขึ้นกู่ไม่กลับไปเสียแล้ว เพราะลูกเล่นที่ความคิดของคุณจะใช้กีดกันไม่ให้คุณเข้าถึงความรู้ตัวก็คือการพยายามบอกว่าคุณไม่ว่าง คุณไม่มีเวลา แม้คุณเกษียณแล้วความคิดมันยังพร่ำบอกคุณว่าคุณไม่มีเวลา ถ้าทั้งๆที่คุณได้เวลามาวันละ 8 ชั่วโมงสัปดาห์ละ 5 วันแล้วคุณยังเชื่อความคิดของคุณอยู่อีกว่าคุณไม่มีเวลา ผมก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้แล้ว เพราะคุณได้ตกเป็นทาสความคิดของคุณโดยสมบูรณ์แบบเสียแล้ว 

     อนึ่ง ในการออกกำลังกาย ถ้าเบื่ออย่างหนึ่งคุณก็เปลี่ยนไปทำอีกอย่างหนึ่ง เปลี่ยนจนคุณพบวิธีที่ถูกใจทำแล้วสนุก

     2. เมื่อฝึกสมาธิ ให้มุ่งวางความคิด นอกจากวางความคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้แล้ว ให้วางความเป็นบุคคลว่าตัวฉันชื่อนี้อยู่บ้านเลขที่นี้จบเมืองนอกเมืองนามาอย่างนั้นอย่างนี้ วางไว้ก่อน วางความเป็นเจ้าของร่างกายนี้ว่านี่มันเป็นร่างกายของฉัน วางไว้ก่อน วางให้หมดชั่วคราว ให้เหลือแต่ความรู้ตัวที่เป็นความว่างแต่ตื่นอยู่และพร้อมรับรู้ อย่าหวังพบเห็นหรือบรรลุอะไรจากการฝึกนั่งสมาธิเป็นอันขาด เพราะนั่นคือช่องทางไปสู่ความบ้า แค่ให้จิตใจได้สงัดจากความคิดจนความเบิกบานที่ก้นบึ้งของจิตมีโอกาสได้โผล่ขึ้นมาบ้างก็พอแล้ว

     3. ยอมรับ ยอมแพ้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วตรงหน้า (surrender) ยอมรับทุกอย่าง อย่างที่มันเป็น แยกความรู้ตัวซึ่งเป็นผู้ดู ออกจากสถานะการณ์ชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกดู ความได้เปรียบของคนแก่ก็คือไม่ต้องรู้สึกผิดว่าตัวเองละเลยสังคม เพราะใจมันยอมรับข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่าเดี๋ยวตัวเองก็จะตายแล้ว อย่าผูกขาดการแก้ปัญหาไว้คนเดียวเลย ทิ้งปัญหาไว้ให้เด็กรุ่นหลังเขาแก้กันเองบ้างเถอะ การปลดทิ้งความรู้สึกผิดแบบนี้เสียได้เป็นการเพิ่มโอกาสที่ใจจะยอมรับทุกอย่างที่มีอยู่เป็นอยู่มากขึ้น โอกาสบรรลุอิสรภาพทางใจก็มากขึ้น

     4. เมื่อมีปัญหาระดับจะเป็นจะตายเกิดขึ้น..อย่าคิด หายใจเข้าออกลึกๆ กลับไปสู่ความรู้ตัวอย่างน้อยสักสองสามนาทีก่อน อย่ารีบตัดสินใจหรือลงมือทำอะไร ปล่อยปัญหาทุกอย่างให้คลี่คลายตัวมันไปเอง เฝ้าดูอยู่นิ่งๆ อย่ายึกยัก อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด แค่คอยรับมือเฉพาะส่วนเล็กๆเฉพาะหน้าที่แก้ไขได้ไปทีละช็อตๆ เรื่องใหญ่ๆที่แก้ไขไม่ได้ปล่อยไว้รอให้พระพรหมมาจัดการเอง มาถึงวัยนี้แล้วควรจะเรียนรู้ได้แล้วว่าปัญหาทุกอย่างมันมีวิธีคลี่คลายตัวของมันเอง ไม่มีใครไปยุ่งมันก็จะคลี่คลายตัวของมันเอง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุปัจจัยเป็นกลไกที่จะคลี่คลายตัวของมันเองอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าเป็นคนแก่แบกโลกหรือคนแก่ที่พยายามเข้าไปแก้ทุกปัญหา มิฉะนั้นคุณจะกลายเป็นคนแก่เจ้าปัญหาไปโดยไม่รู้ตัว 

     5. ปล่อยวาง ที่ว่าปล่อยวางนั้นนะ ปล่อยวางอะไรหรือ "ความคิด" นั่นแหละคือสิ่งที่จะต้องปล่อยวาง เพราะสิ่งที่จะทำให้เป็นทุกข์ นอกจากความคิดของตัวเองแล้ว..อย่างอื่นไม่มี เกษียณแล้วยิ่งคิดให้น้อยยิ่งดี ยิ่งเบิกบานมากยิ่งดี ตัวชี้วัดความสำเร็จของชีวิตวัยเกษียณมีสองตัวเท่านั้น คือ (1) ความคิดน้อยลง (2) ความเบิกบานมากขึ้น

     6. ลดความคาดหวังในตัวคนอื่นลงจนเหลือศูนย์ รวมทั้งความคาดหวังต่อสามีหรือภรรยาหรือลูกหลานด้วย คนสูงอายุมักอดไม่ได้ที่จะมองเห็นคนอื่นเป็นคนโง่ง่าวไม่เอาไหนกิเลสหนากะโหลกกะลาไปหมด เกษียณแล้วให้เปลี่ยนโลกทัศน์ไปมองคนอย่างไม่พิพากษาบ้าง ลองหัดเทคนิคนี้กับหมากับแมวดูก่อนก็ได้ มองมันอย่างไม่พิพากษา อย่าไปเสียเวลาทะเลาะด่าว่าคนอื่น จงให้อภัยแทน คนที่สอนได้ก็สอน คนที่สอนไม่ได้ก็ปล่อยเขาไปตามยถากรรมของเขา

     7. อย่าไปหวังอะไรกับชีวิตที่เหลือ ในเรื่องนี้ผมอาจจะพูดไม่เหมือนคนอื่นนะเพราะผมพูดจากประสบการณ์ของผมเอง ผมมองว่า "ความหวัง" นี่แหละที่เป็นตัวร้าย มันร้ายพอๆกับ "ความกลัว" เลยทีเดียว เพราะทั้งความหวังและความกลัวมีกลไกการออกฤทธิ์เหมือนกัน คือมันคอยลากเราหนีหรือลี้ภัยออกไปจากปัจจุบันไปอยู่กับอนาคตซึ่งเป็นเพียงความคิด ทำให้เราหมดโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันซึ่งเป็นวิธีใช้ชีวิตที่ดีที่สุด ชีวิตที่ดีคือชีวิต ณ ปัจจุบัน วันนี้ ทีละขณะๆ อยู่นิ่งๆ ปล่อยทุกอย่างให้เข้ามาหา ยอมรับมัน ไม่ต้องหนี มาร้าย มาดี ยอมรับหมด มันมาแล้วก็รับมือไปทีละช็อต การกระเสือกกระสนแสวงหาหลักประกันอนาคต เช่นเพิ่มวงเงินประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ขยันตระเวณหาหมอ ห้าหมอ เจ็ดหมอ ขยันกินยากินวิตามินทีละกำมือ เป็นการแสดงออกของความกลัวที่พาเราหนีไปจากปัจจุบัน ซึ่งวิธีนี้ไม่มีวันที่จะทำให้เรามีสุขภาพดีได้ เพราะสุขภาพจะดีก็ต่อเมื่อเราได้ใช้ชีวิตในวันนี้อย่างเบิกบาน ไม่ใช่ใช้ชีวิตแบบอยู่กับความหวาดกลัวและเอาแต่หนี

     8. หมั่นให้ทาน สละทรัพย์ แบ่งปันให้ผู้อื่น ลูกหลานจะว่าคุณเป็นคนแก่เลอะหลงใช้เงินไม่เป็นก็อย่าไปสนใจ เงินของคุณไม่ใ่ช่เงินของพวกเขา ถ้าพวกเขาอยากอดออมให้พวกเขาอดออมของเขาเอง อย่ามาบังคับให้คุณอดออมแต่พวกเขาจ่ายเงิน อย่าหวงเก็บเงินไว้ให้ลูกหลาน เพราะการหวงเงินไว้ให้ลูกหลานก็คือการหวงเงินไว้ให้อีโก้หรือตัวตนของคุณเองนั่นแหละ มันจะส่งผลให้คุณกลายเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ไปไหนไม่รอดโดยไม่ทันรู้ตัว การวางแผนการเงินเป็นสิ่งที่ดีหากวางแผนและทำตามแผนโดยไม่คิดกังวลต่อยอด แต่การบ่มเพาะความกังวลว่าวันหน้าจะมีเงินไม่พอใช้จะทำให้คุณต้องอยู่กับความกังวลนั้นตลอดไปจนตายไม่ว่าคุณจะมีเงินกี่แสนกี่ล้าน เพราะวันหน้ามันไม่มีอยู่จริงดอก แต่ความกังวลและหวงทรัพย์สมบัติมันมีผลลบต่อคุณในวันนี้แล้ว ผมจึงเชียร์ให้คุณขยันสละทรัพย์โดยไม่หวังอะไรกลับมา ทุกครั้งที่คุณสละทรัพย์ ความยึดถือในทรัพย์สมบัติของคุณจะลดลงไป ความพร้อมที่จะตายของคุณจะค่อยๆเพิ่มขึ้น

     9. เมื่อคิดจะทำอะไร ให้คิดทำเพื่อผู้อื่น หรือเพื่อโลก ไม่ว่าจะเป็นทำธุรกิจ ทำงานอดิเรก หรือทำงานจิตอาสา ให้คิดว่าทำเพื่อให้คนอื่นได้ประโยชน์ จะปลูกดอกไม้ก็เพื่อให้คนอื่นได้มาชื่นตาชื่นใจ จงใจเลือกทำเฉพาะเรื่องที่คุณทำแล้วมีความสุข เวลาทำให้ทำด้วยความตั้งใจจดจ่อราวกับเจ้าสาวตั้งใจทอเสื้อให้ชายคนรักใส่ แต่อย่าหวังผลว่าจะสำเร็จอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่องานเสร็จแล้วก็วาง ไม่ว่าสำเร็จหรือล้มเหลวก็วาง ไม่ต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลงาน ไม่ต้องแสวงหาชื่อเสียงยามแก่ เพราะชื่อเสียงเป็นอีโก้ที่จะทำให้คุณเข้าถึงความรู้ตัวอันเป็นแหล่งของความสงบสุขที่ภายในยากยิ่งขึ้น

 ***********************************************************

นพ.สันต์ ใจยอดศืลป์
http://visitdrsant.blogspot.com/

**********************************************************************

จะฆ่าตัวตายเอาตอนเกษียณ
http://visitdrsant.blogspot.com/2016/03/blog-post_15.html

จากเพจหมอสันต์ ...

เรียนคุณหมอสันต์
ฉันเพิ่งเกษียณเมื่อเดือน ตค.ที่ผ่านมา ไม่ได้มีความพร้อมทางการเงินเลย สามีก็ป่วยเป็นอัมพาต มีเงินบำเหน็จอยู่แค่ล้านสอง ลูกชายก็รบแต่จะขอยืมเงินแม่ไปเซ้งห้องแถวลงทุนทำการค้า ลูกสาวก็จ้อง ฉันก็อยากจะให้ๆไปให้หมดๆเสีย แต่อีกใจก็กลัวตัวเองแก่แล้วจะไม่มีอะไรกิน บางวันลุกจากเตียงไม่ขึ้นเพราะใจมันห่อเหี่ยวคิดแต่เรื่องเงินจะไม่พอใช้ เกษียณแล้วเงินเดือนก็ไม่มี เคยคิดอยากตายเสียให้พ้นๆไปแต่ก็รู้ว่าไม่ใช่วิธีที่ดี เรื่องจะให้ไปหาความสุขหางานอดิเรกนั้นฉันไม่เคยฝัน เพราะเงินทุกบาทฉันต้องเก็บไว้ใช้ วันๆไม่อยากไปไหน อยู่บ้านลูกหลานก็ขวางตา ออกไปงานก็ได้ยินแต่คนพูดผิดหู วันหนึ่งเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันเขาส่งบทความของคุณหมอมาให้ ฉันเลยได้อ่านบทอื่นๆไปด้วย แล้วเกิดความคิดว่าเขียนมาหาคุณหมอให้ช่วยชี้ทางสว่างให้คงดี วันนี้จึงรวบรวมความกล้าเขียนมา
..............................................................
ตอบครับ
โห..คุณน้อง เรียกว่าน้องได้นะ เพิ่งเกษียณก็แสดงว่าเพิ่ง 60 ปี อ่อนกว่าผมตั้งหลายปี วันนี้ขออนุญาตสวมบทพี่สอนน้องหน่อยนะ มีเงินตั้งล้านกว่าบาทแต่ต้องมานั่งตีอกชกหัวว่าชีวิตนี้จะไม่มีเงินใช้ เออ โลกสมัยนี้มันแปลกไหมละ เอาเหอะ เอาเหอะ มาตอบคำถามของคุณดีกว่า...อ่านต่อคลิก http://visitdrsant.blogspot.com/2016/03/blog-post_15.html

**********************************************************************



วันเกษียณ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น