วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

มหัศจรรย์แห่งจินตนาการเชิงบวก




ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด

สาวชาวไต้หวันผู้หนึ่ง เป็นโรคสมองพิการ ( cerebral palsy) แต่กำเนิดไม่สามารถเคลื่อนไหวตามปรกติ และพูดจาไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธาเธอสามารถเรียนจบปริญญาเอกจากสหรัฐฯ แล้วแสดงทัศนคติของเธอในที่ต่างๆ เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้อื่น

ครั้งหนึ่ง เธอรับเชิญไปบรรยายด้วยการเขียน (คนพูดไม่ได้ต้องใช้วิธีเขียน)หลังบรรยายเสร็จ มีนักเรียนคนหนึ่งตั้งคำถามว่า
ท่านอยู่ในสภาพนี้โดยกำเนิด แล้วท่านไม่รู้สึกน้อยใจรึ? ท่านมองตัวเองอย่างไร?

คำถามอันละเอียดอ่อนนี้ สร้างความตะลึงแก่ที่ประชุมไม่น้อย ต่างเกรงว่าคำถามนี้จะทิ่มแทงจิตใจของเธอ ปรากฏว่า เธอหันหน้าไปยังแผ่นกระดาน เขียนตัวหนังสืออย่างไม่สะทกสะท้านว่า
ฉันมองดูตัวเองอย่างไร?

เธอหันหน้ายิ้มให้ผู้ร่วมประชุม แล้วเขียนข้อความต่อ

1.ฉันน่ารักมาก
2.ขาฉันเรียวยาวสวยดี
3.คุณพ่อคุณแม่รักฉันจัง
4.พระเจ้าประทานรักแก่ฉัน
5.ฉันวาดภาพได้ ฉันแต่งหนังสือได้
6.ฉันมีแมวที่น่ารัก
และ.
ขณะนั้น ที่ประชุมเงียบกริบ ไม่มีเสียงพูดจาใดๆ เธอหันกลับมามองดูทุกคน แล้วเขียนคำสรุปบนแผ่นกระดานว่า
ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงปรบมือดังสนั่นในที่ประชุมพร้อมทั้งน้ำตาที่สะเทือนใจจากหลายๆคน ณ วันนั้น ทัศนคติเชิงสุขนิยมและบทพิสูจน์ของเธอเพิ่มกำลังใจแก่ผู้คน มากมาย ผู้เป็นโรคสมองพิการผู้นี้คือ น.ส.หวางเหม่ยเหลียน ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตจาก UCLA ผู้เคยจัดนิทรรศการภาพเขียนส่วนตัวหลายครั้งในไต้หวัน

#ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมีไม่มองสิ่งที่ฉันขาด

ฉันชอบทัศนคติต่อชีวิตแบบนี้ ซึ่งถูกหลักสุขภาพจิตและสบายใจด้วย

ความสุขไม่ได้อยู่ที่คุณครอบครองสิ่งใดมากแค่ไหน แต่อยู่ที่คุณมีทัศนคติอย่างไรในการมองสิ่งต่างๆ

Credit :http://www.kwamru.com/233#sthash.EXbf3SzD.dpuf


ไวต่อความสุข:รินใจ (พระไพศาล วิสาโล)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=32320

ชะตาชีวิตบางครั้งก็พลิกผันอย่างตั้งตัวไม่ติด 
หาญมีอาชีพเป็นพ่อค้าเร่ขายของตามตลาดนัด 
วันดีคืนดีก็ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ถึง ๒๐ ล้านบาท
เมื่อได้เงินมา เขาเอาครึ่งหนึ่งเข้าธนาคารเพื่อเป็นทุนในระยะยาว 
ที่เหลือให้ลูกสาว ๓ คนคนละ ๑ ล้านบาท 
อีก ๒ ล้านบาทนำไปซื้อรถกระบะ 
และเตรียมซื้อที่ดินปลูกบ้าน ส่วน ๕ ล้านบาทที่เหลือ 
เขาฝากไว้ในธนาคารสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน

เจอลาภก้อนโต แถมยังจัดการได้ดีมีหลักเกณฑ์ 
หาญน่าจะเป็นคนที่มีความสุขอย่างยิ่ง แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่
เพราะทันทีที่ข่าวแพร่สะพัด ญาติ ๆ ก็มารุมล้อมขอเงินจากเขา 
บางคนได้ไป ๔-๕ หมื่น บางคนก็ได้ไปเป็นแสน 
แต่หลายคนไม่พอใจ หาว่าให้น้อย พากันต่อว่าต่อขาน 
หนักกว่านั้นก็คือบางคนขู่ว่าจะฆ่าทิ้งทั้งผัวทั้งเมีย 
หาญเครียดหนักจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย 
แต่ลูกสาวพาส่งโรงพยาบาล หมอล้างท้องทันจึงรอดตาย

ชีวิตจริงเรื่องนี้สอนว่า ถูกรางวัลที่ ๑ มิใช่โชคดีเสมอไป
ใครว่าได้เงินหลายสิบล้านแล้วชีวิตจะมีความสุข ก็หาไม่ 
บางครั้งกลับทำให้ทุกข์กว่าเดิม หาญไม่ใช่คนแรกหรือคนเดียวที่พูดว่า
"เป็นพ่อค้าเร่ หาเช้ากินค่ำ ยังมีความสุขกว่าเป็นไหน ๆ"

หาญเคยรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตพ่อค้าเร่จน ๆ 
เขาฝันจะเป็นเศรษฐีเงินล้าน แต่ครั้นได้เป็นจริง ๆ 
เขากลับพบว่าชีวิตพ่อค้าเร่มีความสุขกว่าเยอะ 
แต่เขามาค้นพบความจริงข้อนี้เมื่อความสุขดังกล่าวได้หลุดลอยไปแล้ว

ใช่หรือไม่ว่าคนเรามักเห็นคุณค่าของสิ่งใดก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นสูญหายไปแล้ว
แต่ตอนที่สิ่งนั้นยังอยู่กับเรา เรากลับไม่สนใจไยดี 
ชีวิตที่อิสระ ปราศจากอันตราย ไร้ความกังวลใจ 
คบกันด้วยน้ำใจยิ่งกว่าผลประโยชน์ เป็นชีวิตที่มีความสุข
แต่ผู้คนมักจะคิดได้ก็ต่อเมื่อมันกลายเป็นอดีตไปแล้วอย่างที่เกิดกับหาญ

---------------------------------
กัญญากลุ้มใจที่ตัวเองไม่ได้เลื่อนเป็นผู้จัดการเสียที
เธอหมกมุ่นกับเรื่องนี้จนไม่มีเวลาให้กับลูก ๆ
แล้ววันหนึ่งเธอก็พบว่าลูกชายจากไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะอุบัติเหตุ
เธอเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงตอนนั้นเองที่เธอตระหนักว่า
เมื่อครั้งลูกชายยังมีชีวิตอยู่นั้นนับเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของเธอ 
เป็นช่วงที่เธอน่าจะมีความสุข แต่เธอมาระลึกได้เมื่อสายไปแล้ว

จะไม่ดีกว่าหรือหากเราชื่นชมความสุขเหล่านั้น ขณะที่มันยังอยู่กับเรา 
ที่จริงยังมีอีกหลายอย่างที่รอการชื่นชมจากเรา 
ขอเพียงแต่เราใส่ใจเท่านั้นเอง ปัญหาก็คือเรามักไม่ค่อยใส่ใจ 
เพราะชอบไปจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นที่อยู่นอกตัวหรือยังอยู่อีกไกล
การวางจิตวางใจแบบนี้ทำให้เราทุกข์ได้ง่าย ๆ 
ทุกข์เพราะสิ่งที่อยากได้ยังมาไม่ถึง 
ขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับความชุ่มชื่นใจจากสิ่งที่มีอยู่แล้วกับตัว


ลองมาสำรวจดูว่าชีวิตของเราตอนนี้มีอะไรบ้างที่ควรชื่นชม 
ถ้านึกไม่ออก ก็ลองไล่เลียงดูว่า สิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้ 
อะไรบ้างที่หากสูญไปจะทำให้เราทุกข์หรือย่ำแย่ 
ถึงตอนนี้เราจะพบว่ามีมากมาย ทั้งรูปธรรมและนามธรรม
เช่น สุขภาพดี อวัยวะครบ ๓๒ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนรัก มิตรสหาย 
วิชาความรู้ กินอิ่มนอนอุ่น มีอาชีพการงาน มีเวลาเป็นของตัวเอง ฯลฯ 
แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ ตอนนี้เราอาจไม่เห็นค่าเพราะอยากได้อันใหม่ที่ดีกว่า
แต่ลองนึกดูว่าหากมีใครขโมยสิ่งเหล่านั้นไป 
เราจะรู้สึกอย่างไร เราไม่ควรนึกเสียดายต่อเมื่อมันสูญหายไปแล้ว 
แต่ควรจะชื่นชมหรือเห็นคุณค่าของมันขณะที่ยังอยู่กับเรา


การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่จะทำให้เราตระหนักว่า
ทุกวันนี้เราก็มีความสุขมากมายอยู่แล้ว 
ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องชะเง้อหาจากอนาคต 
และไม่ต้องรอให้ถูกรางวัลที่ ๑ ก่อน 
แท้จริงความสุขมีอยู่กับเราแล้วทุกขณะ 
อย่างน้อย ๆ เราก็ยังโชคดีกว่าคนอื่นอีกมากมายที่ไม่มีอย่างที่เรามี

การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ที่เรามีอยู่ รวมทั้งสิ่งที่อยู่รอบตัว 
จะช่วยให้เราเป็นคนไวต่อความสุข แม้สิ่งดี ๆเพียงเล็กน้อย
ก็สามารถบันดาลใจให้เป็นสุขได้ 
ปัญหาของคนทุกวันนี้ก็คือ ไวต่อความทุกข์มากกว่า 
ใช่หรือไม่ว่าเรามักจะจดจำคนที่ตำหนิติเตียนเราได้ดีกว่าคนที่ชมเรา
ใครที่เอาเปรียบเรา เราจะจำเขาได้แม่นกว่าคนที่เอื้อเฟื้อเรา
คนที่เกลียดเราจะประทับแน่นในใจเราได้นานกว่าคนที่ชอบพอเรา
ช่วงเวลาที่มีความสุขกายสบายใจจะไม่แจ่มชัดในความทรงจำ
เท่ากับช่วงเวลาที่มีความทุกข์หรือเจ็บป่วย 
เวลาได้เงินจะสุขไม่เท่ากับทุกข์เมื่อเสียเงิน แม้เป็นเงินจำนวนเท่ากัน

เป็นเพราะเราไวต่อความทุกข์หรือสิ่งที่เป็นลบ
เราจึงรู้สึกว่าแถวที่เราต่อคิวมักจะเคลื่อนช้ากว่าแถวอื่นเสมอ 
ทั้ง ๆ ที่หลายครั้งแถวของเราเคลื่อนเร็วกว่าแถวอื่น
แต่เหตุการณ์อย่างนั้นเราจะจำได้น้อยกว่าเวลาที่แถวของเราเคลื่อนช้า 
คนที่ไวต่อความทุกข์จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคร้าย 
แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพราะเขาด้านชาต่อสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตต่างหาก

อยากให้ชีวิตมีความสุข นอกจากทำความดีแล้ว 
ต้องฝึกใจให้ไวต่อความสุขและรู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่เรามีอยู่ในตอนนี้ให้มาก ๆ

ไม่มีใครในโลกนี้ที่ได้ ๒๐ ล้านบาทมาเปล่า ๆ ฟรี ๆ 
ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง(หรือหลายอย่าง) 
ดังนั้นก่อนที่อยากจะได้อะไร ถามตัวเองดูบ้างว่า
มีอะไรบ้างที่อาจจะต้องเสียไปเพื่อแลกกับสิ่งนั้น 
และเราพร้อมหรือยังที่จะเสียสิ่งเหล่านั้นไป


                                   *********

ฝึกแมวชื่อมะลิ  ดูแล้วอารมณ์ดีเพราะความจริงใจที่แสดงออกมาให้คนดูสัมผัสได้
https://youtu.be/Mw6baubVKCI

ทำปลอกหมอนเอง


ทำไมไม่เชื่อตัวเอง




วิธีทำที่คล้องกุญแจ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=679552302187358&id=673283106147611


เด็กชายวาดภาพไทยโดยไม่ได้เรียนซานโตสและภูผา



https://youtu.be/uD5H0uEZGOw

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น