ครูพลอย“เหนื่อยแค่ไหน ก็ไม่ท้อ
วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2563
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2563
ลิซ่า/ต่อ ธนภพ
6:50ศาสนาทำให้เราตัดจากโลกภายนอกได้ และพอเรา ตัดจากโลกภายนอก
เราจะได้มีโมเมนท์ที่อยู่กับตัวเองจริงๆ โลกเราปัจจุบันนี้ เราค่อยอยู่กับตัวเอง
อยํู่กับโทรศัพท์ อยํู่กับแอพริเคชั่น อยํู่กับข่าว อยํู่กับอะไรที่มันไม่่ใช่ตัวเราเลย
จริงๆบางครั้ง คนเราต้องการ ชีวิตที่อบู่กับตัวเองจริงๆบ้าง
บางเรื่องเราไม่ได้มีความสุขนะ
บางเรื่องเราแค่ตามคนอื่น ไม่มีความคิดของตัวเอง หรือเป่ล่า
ถาม:เป็นชีวิตที่ดีที่สุดไหม ขณะนี้
ต่อ:ไม่มีครับ มันขึ้นอยู่กับว่า ชีวิตนี้ เราพอหรือยัง ถ้าพอก็ดีที่สุด
ถ้าไม่พอ ก็ไม่มีทางถึง แต่ผมมันโลภไงพี่ เช่น เราไม่มีความรู้สึกว่า เราเก่งสักที
เราอยากเก่งกว่านี้ เราอยากรู้มากกว่านี้ เราอยากศึกษาได้ดีกว่านี้ รู้ใช่ไหมว่า
สิ่งทีประสบความสำเร็จของผม มาจากผมเต็มที่ ไม่ใช่มาจากผมหล่อกว่าใคร
หลวงปู่สิงห์ทอง.26ปีต่อ ธนภพ.
ครูเทรนเนอร์รักษาอาการบาดเจ็บ หักคอ
ฝึกจริงจัง ก่อนแสดงบนเวที
https://youtu.be/USxJ0fSga2M
https://youtu.be/TSo-kpWvxuM
https://youtu.be/GvlOuD0OdkM
https://youtu.be/zJCycI7RkNA
ความคิด การใชีวิตผ่านบทสัมภาษณ์
https://youtu.be/BpTXOX03goU
ลิซ่าผู้เป็นแรงบันดาลใจ เส้นทางต่อสู้ให้ฝันเป็นจริง
https://youtu.be/Q1nFkK_svuc
เมนทอร์สอนคนอื่น ก็ต้องเต้นได้ด้วย
https://youtu.be/mXg4_OH0Eto
ครูสอนภาษาพูดถึง การพูดภาษาอังกฤษของลิซ่า
https://youtu.be/Y0XlsWMIN8M
7:51เราต้องเชื่อในสิ่งที่เราอยากเป็น อย่างแรกต้องเชื่อในตัวคุณเองก่อน
8:00 ไม่ทราบว่าทุกคนเชื่อในเรื่องโอกาสหรือเปล่า ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันของเรา
สักวันหนึ่ง มันต้องใช่ค่ะ
9:06 ทำในสิ่งที่เราทำอยู่นี้ให้ดีที่สุดก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าโชว์ที่ทำจะถูกตัดออก
ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง ช่างมัน
https://youtu.be/H7bJuMWyvJ8
การฝึกซ้อม สอนกัน ยอมรับในทีม รวมใจเป็นหนึ่ง
https://youtu.be/qLXfcBM_4FE
https://youtu.be/GvlOuD0OdkM
https://youtu.be/zJCycI7RkNA
ความคิด การใชีวิตผ่านบทสัมภาษณ์
https://youtu.be/BpTXOX03goU
ลิซ่าผู้เป็นแรงบันดาลใจ เส้นทางต่อสู้ให้ฝันเป็นจริง
https://youtu.be/Q1nFkK_svuc
เมนทอร์สอนคนอื่น ก็ต้องเต้นได้ด้วย
https://youtu.be/mXg4_OH0Eto
ครูสอนภาษาพูดถึง การพูดภาษาอังกฤษของลิซ่า
https://youtu.be/Y0XlsWMIN8M
7:51เราต้องเชื่อในสิ่งที่เราอยากเป็น อย่างแรกต้องเชื่อในตัวคุณเองก่อน
8:00 ไม่ทราบว่าทุกคนเชื่อในเรื่องโอกาสหรือเปล่า ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันของเรา
สักวันหนึ่ง มันต้องใช่ค่ะ
9:06 ทำในสิ่งที่เราทำอยู่นี้ให้ดีที่สุดก่อน อย่าเพิ่งคิดว่าโชว์ที่ทำจะถูกตัดออก
ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง ช่างมัน
https://youtu.be/H7bJuMWyvJ8
การฝึกซ้อม สอนกัน ยอมรับในทีม รวมใจเป็นหนึ่ง
https://youtu.be/qLXfcBM_4FE
วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563
เขียนไขและวานิช
9:44 ถ้าเขียนรัก ไม่ใช้คำว่ารักดีไหม / เหมือนตั้งโจทย์ให้ตัวเอง
10:02 บางทีเรามองอิริยาบถของคนที่อยู่รอบข้าง
31:57 ผมเป็นคนไม่ได้วางแผนอนาคต ไปไหนก็ได้ หยุดที่ไหนก็ได้ วันต่อวัน
อยากทำอะไรผมทำเลย
38:37 ผมไม่อยากไปคาบเกี่ยวกับใคร อยู่กับตัวเอง ง่ายสุด
มีปัญหาก็เจ็บกับตัวเอง ไม่ต้องไปพ่วงใคร
43:34สำหรับผม การได้ทำอะไรในสิ่งที่รัก และไม่ได้คาดหวังด้วยนะ
ไอ้คำว่าพอ มันจะอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว มันอยู่ที่เราไงครับ
เพราะเรารู้ตัวเอง รู้ในสติของตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องการอะไรแล้ว...
ทำไปเถอะครับ บางทีไม่ต้องพยายาม ลงมือทำ คือคำตอบอยู่แล้ว
https://youtu.be/sPXgGEVsRZk
หนีห่าง
https://youtu.be/zPZYWtPR5XU
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563
แนท อณิพรณ์์
https://youtu.be/44qqZCG5SSA
แนท อนิภรณ์ มิสยูนิเวอร์สไทยแลนด์ พ่อแม่แยกทางอยู่กับตา ชีวิตคิดบวก ก็อยู่ได้
https://youtu.be/xydbtgWTi8I
วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563
ทำดี
เรา:แค่ภูมิใจว่าได้ทำดี
***********************
มันเป็นโชคชะตา(=กรรม)ของชายขอทาน ไม่ว่าจะรวบรวมอาหารมากแค่ไหน ก็จะได้แค่8สิ่ง เพราะมีหนูมาขโมย โดยหนูบอกชายขอทานว่ามันเป็นโชคชะตา ที่หนูต้องขโมย
ถ้าอยากรู้คำตอบมากกว่านี้ ต้องไปถามพระพุทธเจ้า
ระหว่างทางเขารับฝากคำถามจากเศรษฐี พ่อมด เต่า รวมคำถามของเขาเป็น4คำถาม
แต่พระฯให้ถามเพียง3คำถาม ขอทานพิจารณาตัวเขา ไม่ลำบากอะไร ที่จะกลับไปขอทาน แต่เต่าอยู่ในน้ำเป็นร้อยปี พ่อมดขี่ไม้เท้าในอากาศเป็นพันปี ส่วนเด็กสาวก็พูดไม่ได้
คำตอบ
เต่าอยากเป็นมังกร ต้องถอดกระดองออก เต่าถอดทันที แล้วกลายเป็นมังกร ส่วนในกระดองมีทรัพย์สินมากมาย เต่ายกให้ขอทาน
พ่อมดอยากขึ้นสวรรค์ ต้องวางไม้เท้าของวิเศษของเขาลง พ่อมดวางไม้เท้า แล้วขึ้นสวรรค์
ลูกสาวเศรษฐีจะพูดได้ เมื่อพบเนื้อคู่ของเธอ เมื่อขอทานพูดจบ ลูกสาวเศรษฐีก็ถามขอทานว่า เขาเป็นคนเดียวกับคนที่มาเมื่ออาทิตย์ก่อนใช่ไหม
ขอทานคือคู่แท้ของเธอ ทั้งคู่แต่งงานกัน
ความดีทุกอย่างที่ได้ทำไว้ มันจะย้อนกลับมาหาเรา
(เราดูแล้วนึกถึง กรรม ทาน ปล่อยวาง ทิฐิมานะ เนื้อคู่ต้องศีลเสมอกัน ที่หลวงปู่สอนว่าชาติหน้าเรากับตา จะไม่ได้เจอกัน)
พระพุทธเจ้าและขอทาน
***************
หนุ่ม.สักวันต้องได้ดี
https://youtu.be/xtoSFieMwl0
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
อุบาสิกาปิยวรรณ วีรวรรณ
- นามพระครูสังฆรักษ์ พุทธิพงศ์ อภิชาโต มีชื่อเดิมว่า นาย “พุทธิพงศ์” นามสกุล “ว่องพานิช”
- วันเกิดเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๑ ตรงกับวันพฤหัสบดี ราศีพฤษภ ณ โรงพยาบาลหัวเฉียว ถนนบำรุงเมือง แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร โยมบิดาชื่อ “นายไพโรจน์ ว่องพานิช” โยมมารดาชื่อ “นางปิยวรรณ ปฐมรัตน์(วีรวรรณ)” ท่านเป็นลูกคนกลางโดยมีพี่ชายและน้องสาวคือ นายเกียรติศักดิ์ และ นางสาวโศรยา ว่องพานิช
- ประวัติท่านได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กที่จังหวัดนครปฐม ได้รับการศึกษาภายในโรงเรียนวัดมาโดยตลอด จนถึงปีพุทธศักราช ๒๕๒๙ ได้เข้ามาศึกษาต่อภายในกรุงเทพที่โรงเรียนปทุมคงคา ซึ่งปีนั้นเป็นปีแรกที่ได้เริ่มมีการก่อสร้างวัดป่าภูก้อน ดังนั้นในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ของทุกสัปดาห์ซึ่งไม่มีเรียนหนังสือ ท่านและคุณแม่ปิยวรรณต้องเดินทางจากกรุงเทพมาที่พื้นที่ก่อสร้างวัดป่าภูก้อนเพื่อส่งของ วัสดุก่อสร้าง รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ และต้องรีบกลับเข้ากรุงเทพก่อนเช้าวันจันทร์เพื่อให้ทันเรียนหนังสือ เป็นเช่นนี้ตลอดช่วงการก่อสร้างวัด
- ช่วงต้นพุทธศักราช ๒๕๓๕ ท่านก็ได้มีโอกาสตามคุณแม่ปิยวรรณ ไปกราบนมัสการพระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ หรือหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เป็นพระภิกษุฝ่ายวิปัสสนาธุระสายหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และเมื่อพบกับหลวงปู่เทสก์แล้วก็ได้เกิดธรรมนิมิตเกิดความคิดต้องการที่จะบวชอย่างแรงกล้า
- ในวันที่ ๒๗ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๕ อายุ ๒๔ ปี ท่านได้อุปสมบทครั้งแรก ณ วัดหินหมากเป้ง ตำบลพระพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ได้รับฉายา "อนุตฺตโร"
- ได้จำพรรษาแรกที่วัดหินหมากเป้ง ในพรรษาที่สองและสามก็ได้ตามไปอุปัฏฐากหลวงปู่เทสก์ที่ถ้ำขามจวบจนถึงวาระสุดท้ายที่หลวงปู่เทสก์ได้ละสังขาร จากนั้นได้ไปจำพรรษาทางใต้บ้าง กรุงเทพบ้าง จนถึงวัดบรมนิวาสและได้ลาสิกขาไปเมื่อได้พรรษาที่ ๘ ในเดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๒
- ได้อุปสมบทในบวรพุทธศาสนาอีกครั้ง ในวันที่ ๕ เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗ ณ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง จังหวัดกรุงเทพมหนคร โดยมี พระเทพญาณวิศิษฏ์(พระธรรมบัณฑิต อภิพล อภิพโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูปลัดสุวัฒนพรหมจริยคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูปลัดบุญยืน ปุญญพโล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และได้รับฉายาคือ “อภิชาโต”
- พระพุทธิพงศ์ อภิชาโต ดำรงตำแหน่ง “พระครูสังฆรักษ์” ณ วันที่ ๑๓ เดือน มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
- สอบได้นักธรรมชั้นเอก จากสำนักเรียนวัดศรีสุมังคล์ จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ ๓๐ เดือน ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
- ณ วันที่ ๑ เดือน มีนาคม 2561พระครูสังฆรักษ์ พุทธิพงศ์ อภิชาโต ดำรงตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าภูก้อน จวบจนปัจจุบัน
- https://watpaphukon.org/dean/

ใครเลยจะคิดว่าวันหนึ่ง คุณปิยวรรณ วีรวรรณ “กลับหักมุมชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยว” กล้าสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสร้างวัดป่าภูก้อนบนเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่
คุณปิยวรรณ วีรวรรณ เล่าเหตุการณ์ที่ทำให้เธอฉุกคิดเรื่องชีวิตขึ้นมาในวันหนึ่งว่า “ครั้งหนึ่งแม่ได้เห็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่ตอนนั้นแก่มากแล้ว เรี่ยวแรงในการเดินแทบจะไม่มี เดินอยู่คนเดียว ตอนนั้นแม่เกิดความสลดสังเวชใจ และเกิดความกลัวขึ้นมา ว่า...แล้วฉันจะอยู่อย่างไร เกิดความกลัวเจ็บ กลัวตายขึ้นมา”
“แม่เป็นคนที่ไม่กลัวใคร พูดจากโผงผาง ตรงไปตรงมา เวลาทำอะไรผิดพลาดก็ไม่เคยมีใครกล้าบอกกล่าวตักเตือน อาจเพราะเกรงใจ จนวันหนึ่งมีเพื่อนมาชวนทำบุญ แต่ด้วยความที่แม่เป็นชาวพุทธแต่ในนาม ไม่เคยเชื่อถือว่าพระพุทธเจ้ามีจริง! และไม่เชื่อเรื่องการทำบุญ แม่จึงกล่าวท้าว่า “ถ้าพระพุทธเจ้ามีจริง คืนนี้ขอให้ท่านมาให้เราเห็น แล้วเราจะยอมเป็นขี้ข้าม้าคอก จะนับถือพระพุทธเจ้าองค์เดียว แต่ถ้าไม่มาให้เห็นในคืนนี้ เราก็จะไม่นับถือท่าน และท่านก็อย่าได้โกรธเรา”
นับจากคืนนั้นเป็นต้นมา “คุณปิยวรรณ” ก็หันมารับใช้พระพุทธศาสนามาตลอด จนถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 30 ปีแล้วที่เธอได้ทำนุบำรุงพุทธศาสนาและศาสนสถานตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ กระทั่งครั้งหนึ่งเธอได้ออกธุดงค์ไปทางภาคอีสาน และบังเอิญได้อ่านหนังสือปฏิปทาของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ทำให้เธอเกิดความซาบซึ้งและเห็นคุณค่าของป่าไม้ว่า เป็นที่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ป่าเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอริยสงฆ์ เมื่อได้รู้คุณค่าของป่าแล้ว ก็เกิดความรักและความหวงแหน ถึงขั้นปฎิญาณว่า จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาป่าไว้ โดยการเสียสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ การเสียสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต และยอมเสียชีวิตเพื่อรักษาธรรม ความมุ่งหมายของตนให้ได้”
ในครั้งนั้นเองขณะไปธุดงค์วัดในแถบภาคอีสาน ได้มีพระรูปหนึ่งเล่าให้เธอฟังว่า “ป่าที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งบนภูก้อนกำลังถูกสัมปทานตัดไม้” คุณแม่เกิดความเสียดายอย่างยิ่ง จึงรีบไปดูป่าแห่งนี้ ขณะเดินอยู่ในป่าเธอได้ยินเสียงกระซิบว่า “ทศพิธราชธรรม กรรมพินิจ จิตขจร ภมรมาศ อาสนะเทวา” ถึง 3 ครั้ง... “แม่รู้สึกว่ารุกขเทวดาอยากให้เรารักษาป่านี้ไว้ จึงได้ตั้งปณิธานว่าจะต้องหาทางรักษาป่านี้ไว้ให้ได้ สุดท้ายเลยคิดว่าควรสร้างวัดขึ้นในป่านี้ เพื่อที่รักษาป่าไม้ เพราะวัดซึ่งเป็นพุทธสถานที่จะสามารถรักษาป่าให้อยู่ได้ตราบนานเท่านาน” ...และนี่คือจุดกำเนิดของวัดป่าภูก้อน
“ณ ตอนนั้น แม่ยื่นเอกสารเดินเรื่องกับกรมป่าไม้ เพื่อไม่ให้มีการสัมปทานป่าไม้บนภูก้อนแม้จะมีการตีตราไว้แล้ว ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะต่อสู้ให้ได้ป่าผืนนี้กลับคืนมาจนกระทั่งได้รับอนุญาตให้สร้างวัดขึ้นได้บนพื้นที่ป่าแห่งนี้ จาก 15 ไร่ ไปสู่การรับมอบหมายจากกรมป่าไม้ให้ช่วยดูแลพื้นที่ป่าอีก 1,000 ไร่ และเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ไร่” จนถึงปัจจุบันวัดป่าภูก้อนได้ขนานนามว่า ‘พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน’ ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม จังหวัดอุดราธานี
คุณปิยวรรณ วีรวรรณ เล่าว่า “ในเมืองไทย ยังไม่ค่อยได้พบเห็นพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่แกะสลักด้วยหินอ่อนขาวบริสุทธิ์ทั้งองค์มาก่อน จึงคิดสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทำทั้งทีก็ต้องทำให้งามที่สุด และอยู่คงกระพันชั่วลูกชั่วหลาน ปรากฏว่าได้พบกับช่างปั้น อ.นริศ รัตนวิมล ผู้เป็นยอดศิลปินประติมากรหินเป็นผู้ออกแบบและแกะสลักองค์พระพุทธรูปรวมทั้งเหล่าศิลปินที่มีฝีมือมากมายได้มาร่วมกันสร้าง”
จากเดินทางรอบโลกเพื่อหาหินอ่อนที่ขาวบริสุทธิ์และมีความทนทานที่สุด คุณปิยวรรณ วีรวรรณ ก็ได้พบแหล่งหินอ่อนที่งามที่สุดของโลกอยู่ที่เมืองคาราร่า ประเทศอิตาลี ...โดยหินอ่อนมีน้ำหนักเฉลี่ยหนักก้อนละ 15-30 ตันและ 55 ตัน ถูกลำเลียงข้ามมหาสมุทรมาขึ้นฝั่งที่เมืองไทย และลำเลียงขึ้นสู่ยอดเขาภูก้อนเพื่อแกะสลักเป็นองค์พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย โดยใช้เวลารวม 2 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ในปลายปี 2551 ได้รับพระมหากุรณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 พระราชทานนามว่า “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” แปลว่า พระพุทธรูปปางไสยาสน์แห่งพระมหามุนีผู้ทรงเป็นบรมครู ที่ทรงเป็นที่พึ่งของชาวโลก
ทั้งหมดนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในปี 2554
วัดป่าภูก้อน อ.นายูง จ.อุดรธานี www.watpaphukon.org
http://entertain.enjoyjam.net/forum/index.php?topic=19562.0
วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ภัยสังคมที่ห้างโคราช8กพ.63
เหตุจากการไม่จ่ายเงินทำธุรกิจจัดสรรบ้าน:ทนายเดชา
https://youtu.be/P6RJebxJVTA
เอกสารกู้เงิน
https://youtu.be/8QGy_AEoJxQ
หลังจากโดรนของตำรวจถูกคนร้ายยิงตกหลายลำ จึงขอให้โดรนของช่อง7 เข้ามาช่วยค้นหาพิกัดคนร้าย ก่อนเข้าวิวามัญฆาตกรรม
https://youtu.be/7B0RKdQS1T8
บันทึก 8 ก.พ. #จากคนกลุ่มแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าถึงตัวและครั้งแรกที่ปะทะกับผู้ก่อเหตุ
- เมื่อวาน เราไปเทอร์มินอลตอนบ่ายโมงกว่าๆ กะว่าสัก 6 โมงเย็นค่อยกลับบ้าน ซึ่งทางกลับโดยปกติคือชั้น G ประตูทางออกที่ 1 วันนั้นคนเยอะมาก เพราะเป็นวันเสาร์และทางห้างจัดงานมาฆบูชา พ่อแม่ลูกพากันมากินเที่ยวช้อปแบบสนุกสนาน
- จนกระทั่งตอน 6 โมงเย็น ระหว่างกำลังเดินไปประตูทางออก พร้อมชานมไข่มุกฟุกุที่ซื้อจากชั้น LG และผ้าเช็ดตัวนาโนที่ซื้อจากร้านของ 3 พ่อแม่ลูก นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้ซื้อของกับเขาและได้คุยกับเขา (ใช่ค่ะ... ทั้ง 3 คนขายเครื่องนุ่งห่มอยู่ที่ชั้น LG ถูกผู้ก่อเหตุเจอ และถูกยิงตายทั้งหมด น้องกำลังอยู่ในวัยน่ารักเลย)
- ระหว่างถึงทางออก อยู่ๆ คนที่อยู่ด้านหน้าทางออก ก็พากันวิ่งเข้ามา เราสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ถึงกับตกใจ คิดว่าอุบัติเหตุธรรมดา แต่มีพี่ รปภ.วิ่งมาบอก “น้อง !! ไปหาที่หลบ มีคนยิงกัน” (พี่ รปภ. คนนั้น ต่อมาทราบชื่อว่าเป็นนายอำนาจ บุญเกื้อ เป็น 1 ใน ผู้เสียชีวิตเช่นกัน พี่เขาทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้ายของชีวิตจริงๆ หนูจะขยันตื่นเช้ามาทำบุญให้พี่เยอะๆ ตอนนั้น ถ้าพี่ไม่มาบอก คงเดินออกไปแล้วโดนผู้ก่อเหตุยิงทิ้งไปแล้ว)
- หลังจากได้รับแจ้งว่าออกไปไม่ได้ และคนก็เริ่มวิ่งเข้ามาในห้างเยอะขึ้น เราก็วิ่งตาม เหมือนพวกมากลากไป ระหว่างที่วิ่ง มีเสียงตะโกนว่า "ปิดประตูๆๆ" เราเห็นประตูเหล็กของร้านแต่ละร้านเริ่มเลื่อนลง
- ตอนนั้น พยายามตั้งสติและคิดว่าจะเข้าไปหลบในห้องน้ำหญิง หรือหลบอยู่ในร้านที่มีประตูเหล็ก จังหวะนั้นมีพนักงานร้านกวักมือเรียกให้รีบเข้ามา “น้อง มานี่” เราเลยได้เข้าไปหลบที่ร้านเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง (ใกล้ๆ Eveandboy ซึ่งตอนนั้นคนกรูเข้าไปหลบใน Eveandboy เยอะมากก)
- พอเข้ามาหลบในร้านเสื้อผ้าพบว่า มีคนหลบอยู่ 3 คน พนักงาน 2 คน และเรา 1 คน (เห็นจำนวนแล้วรู้สึกใจแป่วมาก แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียว)
- พวกเราหลบอยู่ภายในกันสักพัก หลังประตูเหล็ก รอจนกว่าสถานการณ์จะสงบ (ตอนนั้นไม่คิดว่าสถานการณ์ที่ตัวเองเจอจะเลวร้ายขนาดนี้)
- จนกระทั่ง น้องพนักงานเล่นโซเชียลแล้วเอาข่าวมาให้ดู (ชิบหายมาก มันไม่ใช่เรื่องทะเลาะแล้วยิงกัน แต่ผู้ก่อเหตุตั้งใจจะมาฆ่าทุกคนที่เจอในห้าง ตอนนั้นรู้เลยว่า ชีวิตเราไม่ปลอดภัยแล้ว จากที่แพลนไว้ว่าจะตายตอนอายุ 60 - 70 ปีท่ามกลางลูกๆหลานๆ ตอนนี้ต้องมาแพลนว่าจะทำยังไงถึงจะมีรอดชีวิตในวันนี้ไปให้ได้)
- เวลา 18.50 น. ข่าวเริ่มออก และแม่โทรมา แม่เสียงสั่น กลัว พูดไปร้องไห้ไป เราได้ยินแล้วน้ำตาคลอเลย "เฟิร์น หนูอยู่ไหนลูก" เราบอกว่า "หนูปลอดภัย ไม่ต้องห่วง อยู่กับพี่ๆอีก 2 คน แม่ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็มาช่วยแล้ว" เราพูดไปโดยที่ไม่ทราบเลยว่า จะมีคนมาช่วยมั้ย และจะได้กลับไปในสภาพไหน คือ ตอนนั้นเห็นข่าวก็กลัวมาก ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เคยดูแต่ในหนัง พยายามหาทางออกและติดต่อคนข้างนอกเรื่อยๆ
- 19.30 น. เราพยายามเช็คข่าวเรื่อยๆ ว่าเจ้าหน้าที่เริ่มเข้ามาคุมสถานการณ์หรือยัง เริ่มมีเพื่อนๆ อาจารย์ น้องๆ ทัก Inbox เข้ามา แต่ไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องเซฟแบตโทรศัพท์เอาไว้
- พี่ๆที่อยู่กับเราเริ่มโทรหา 191 (สายไม่ว่าง) เราก็พยายามดูโซเชียลว่ามีเบอร์ติดต่อช่องทางไหนอีกบ้าง จนมาเจอโพสต์ของจ่า เราเลยโพสต์ขอความช่วยเหลือทางคอมเม้นท์ หลังจากนั้นหนักกว่าเดิม นักข่าวช่อง.... Inbox จะโทรมาขอสัมภาษณ์ คนในโซเชียลเริ่มติดต่อเข้ามาให้ความช่วยเหลือว่าควรทำตัวยังไง เราบอกว่าเราอยู่หลังประตูเหล็ก พี่ใน Inbox คนหนึ่งแนะนำว่าให้หมอบและถอยออกจากประตูเหล็กให้มากที่สุดเดี๋ยวนี้ เพราะมันเสี่ยงสูงที่ผู้ก่อเหตุจะยิงทะลุเข้ามา และให้ปิดไฟ หรี่แสงไฟทางโทรศัพท์ให้มืดที่สุด อยู่ให้เงียบที่สุด อย่าเคลื่อนย้ายไปไหน เพราะอาจไปจ๊ะเอ๋กับผู้ก่อเหตุได้
- หลังจากได้รับคำแนะนำจากโซเชียล เรากับพี่ๆ เริ่มเคลื่อนย้ายตัวเอง เข้าไปด้านในโกดังร้าน แต่ในโกดังแคบและเล็กมาก ยิ่งพอรู้สึกกลัว ตกใจ มันหายใจแรงขึ้น ถี่ขึ้น นั่งแย่งอากาศกันอยู่ 3 คน เหมือนอากาศเริ่มถ่ายเทไม่สะดวก ตอนนั้นเริ่มคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ยังไงก็ต้องหาที่ซ่อนที่อื่นๆ (รู้สึกโชคดีที่เลือกไม่เคลื่อนย้ายตัวเองออกไป)
- 19.45 เบอร์แม่โทรมาอีกครั้ง แต่พ่อเป็นคนพูด เราเลยถามว่า “แม่เป็นไงบ้าง หนูไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องห่วง” (เพราะแม่เป็นคนตกใจง่ายมาก อะไรนิดอะไรหน่อย นางเป็นลมไปเลย) พ่อบอกตอบกลับมาว่า “แม่เป็นลมไปแล้ว ร้องไห้จนเป็นลมไปเลย” (เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ) เลยบอกพ่อว่า “ดูแลแม่ดีๆนะ เดี๋ยวลูกก็กลับแล้ว” ทั้งที่ใจตัวเองคือกลัวมาก แต่ไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นห่วง เพราะเหตุการณ์นี้มันแย่มากจริงๆ
- เราติดต่อเจ้าหน้าที่ตามเบอร์ที่จ่าโพสต์ เจ้าหน้าที่ให้ส่งเบอร์โทร ที่อยู่ และคุยผ่านทาง Inbox เพื่อป้องกันผู้ก่อเหตุได้ยินเสียง สถานการณ์ตอนนั้นคือ ทั้งห้างเงียบมากกกกก เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น จะขยับตัวหรือทำอะไร ต้องเบาให้มากที่สุด แถมมีเสียงปืนดังเป็นระยะๆ ประมาณ 4-5 นัด
- ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มารับตัวออกไป เป็นช่วงที่ทรมานและลุ้นระทึกที่สุด ในข่าวออกว่าผู้ก่อเหตุอยู่ชั้น 4 แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย... เขาเดินตามหาคนซ่อนตัวทุกๆชั้น ตั้งแต่ชั้นใต้ดินจนถึงชั้น 4 แล้วก็เดินวนกลับมาใหม่ ทุกครั้งที่เขาเดินจะมีเสียงฝีเท้าหนักๆ ตลอด พร้อมกับเสียงดนตรีในโทรศัพท์ เดินไปเปิดเพลงไป แต่มันช่วยให้เราทราบว่าตอนนี้เขาเดินอยู่ตรงไหน อยู่ใกล้หรืออยู่ไกล
- ผู้ก่อเหตุเดินผ่านร้านที่เราซ่อนตัวอยู่ 2 – 3 ครั้ง เราพยายามเงียบให้มากที่สุด ภาวนาอย่าให้เขาหยุดตรงนี้ 2 ครั้งแรกเขาเดินผ่านไปเหมือนหาคนซ๋อนตัว แต่... ในครั้งที่ 3 พอเดินผ่านไปสักพัก ได้ยินเสียงตะโกนว่า “นั่ง !!!!” แล้วตามด้วยเสียงปืน ปังๆๆ ประมาณ 3-4นัด ตอนนั้นภาวนาว่า เสียงนั้นอย่าให้เป็นเสียงยิงคน สุดท้ายก็ทราบว่า เสียงนั้น ผู้ก่อเหตุเจอคนซ่อนตัวอยู่ เขาสั่งให้ออกมา แล้วยิงทิ้งตรงนั้นเลย 2 ศพในชั้น G
- เราซ่อนตัวเรื่อยๆ รอเจ้าหน้ามารับ คิดอะไรหลายๆอย่าง นั่งดูโซเชียลก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ นั่งพิมพ์เอกสารบางอย่างที่ระบุธุรกรรมทางการเงิน หากเป็นอะไรไป พ่อกับแม่จะได้ทราบและเอาไว้ใช้ได้ ตอนนั้นสิ้นหวังมาก เพราะผู้ก่อเหตุเริ่มยิงประตูเหล็ก หาคนที่ซ่อนตัว กลัวมากว่าจะมาถึงประตูเรา
- เพื่อน และอาจารย์ก้อย พยายามติดต่อไม่ให้ขาดและแนะนำให้มีสติเอาไว้ แบตก็ใกล้จะหมด ผู้ก่อเหตุก็คึกมาก เดินขึ้นลงตลอด ไม่มีหยุด ไม่มีใครกล้าออกไปจากที่ซ่อนของตัวเองเลย เป็นเวลาที่ยาวนานมาก
- 21.00 น. เจ้าหน้าที่ยังไม่มารับ ห้องข้างในเริ่มร้อน เหมือนหายใจไม่ออก แต่ก็ออกไปไม่ได้ คิดในใจว่าจะตายเพราะกระสุน หรือ จะตายเพราะอากาศ พี่พนักงานเริ่มตัวสั่นและน้ำตาคลอ คือ ตอนนั้นแต่ละคนเริ่มนั่งไม่ติดแล้วล่ะ เพราะตามจากโซเชียลคือ สถานการณ์เลวร้ายมากกก จับมือและมองหน้ากัน ช่วยกันปลอบ เพราะใช้เสียงไม่ได้
- เจ้าหน้าที่ยังที่ไม่มา เสียงปืนภายในห้างยังดังเป็นระยะ ผู้ก่อเหตุเริ่มทราบว่า มีหลายคนที่หลบอยู่หลังประตูเหล็ก เขาเริ่มยิงใส่ประตูเหล็กเรื่อยๆ เป็นระยะๆ และตะโกนว่า “มีใครอยู่มั้ย” โดยเฉพาะในชั้น LG ได้ยินถี่มาก สุดท้ายทราบว่า เขายิงประตูเหล็ก เพื่อลากคนด้านในออกมายิง ชั้น LG กับ ชั้น G มีคนเสียชีวิตเยอะมาก
- 21.10 เจ้าหน้าที่ติดต่อเข้ามา จะเข้ามารับตัว เราส่งพิกัดร้านไปให้ในใจคิดว่า รอดแล้วๆๆ หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ได้ยินเสียงประตูเหล็กล็อกอื่นๆ เริ่มเลื่อนขึ้น เรากับพี่ๆมองหน้ากันว่าเอาไงดี จะออกไปดูดีมั้ย แต่อีกใจคิดว่าถ้าชะโงกหน้าไป แล้วจ๊ะเอ๋กับผู้ก่อเหตุคือ ไม่รอดแน่ๆ
- เจ้าหน้าที่ติดต่อเข้ามาอีกครั้ง สั่งว่า อยู่หน้าประตูเหล็กแล้ว รีบออกมาด่วน
- เรากับพี่ชะโงกหน้าออกไป สรุปเป็นเจ้าหน้าที่จริงๆ พร้อมกับผู้ประสบเหตุอีก 4 คน เจ้าหน้าที่แต่ละคนอาวุธครบมือมากก เขาให้พวกเราอยู่ตรงกลาง ส่วนเจ้าหน้าที่จะล้อมเอาไว้ ก่อนเดินไป เขาสั่งให้เราปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด มันยังดังก้องในหูจนถึงตอนนี้ “หมอบ” “วิ่ง” และประโยคสุดท้าย “ถ้าเกิดอะไร ห้ามหยุด ห้ามนิ่ง วิ่งอย่างเดียว ถ้าเห็นใครโดนยิง ไม่ต้องช่วย เอาตัวเองให้รอดก่อน” เจ้าหน้าที่สีหน้าเคร่งเครียดมาก เหมือนรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็นั่นแหละ...
- เจ้าหน้าที่พูดอะไรสักอย่าง เราไม่ได้ยิน และทันทีที่เริ่มอพยพ ทุกอย่างก็ชัตดาวน์ ไฟดับ พรึ่บ! เจ้าหน้าที่ตะโกนว่า วิ่งงงง
- เสียงปืนจากด้านบน ไล่หลังพวกเรามาเลย เจ้าหน้าที่ก็ตะโกน วิ่งๆๆๆ หมอบๆๆๆ วิ่งไปแบบมืดๆ มีเพียงแสงไฟจากอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่ช่วยนำทาง (อินี่ก็วิ่งสุดชีวิต ตอนนั้นกลัวตายมาก วิ่งไป กรี๊ดไป) ผู้ก่อเหตุสาดกระสุนลงมาแบบไม่หยั่งเลย
- พวกเราวิ่งไปในความมืดภายในห้างเรื่อยๆ จนออกมาจากประตูด้านหลัง ยังมีเสียงปืนดังภายในห้างอยู่ มีเจ้าหน้าที่คอยรับอยู่ด้านนอก ตรวจสอบความเรียบร้อยว่ากลับมาได้ครบมั้ย มีใครตายกลางทางหรือเปล่า มีใครได้รับบาดเจ็บมั้ย สรุป ชุดแรกที่เข้าไปรับ รอดกลับมาทุกคน แต่ยังไม่จบ... ต้องวิ่งต่อจากประตูด้านหลังอ้อมออกมาจนถึงหน้า BigC สารภาพว่าหอบแดกมาก ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ หยุดวิ่งไปแล้ว แต่นี่แบบยังไงก็ได้ เราต้องรอด เราต้องได้กลับบ้าน
- พอวิ่งมาขึ้นรถที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้รอรับ เขาก็ขับพาเราไปปั๊มน้ำมัน ตอนที่ขับออกมาเจ้าหน้าที่ช่วยมาได้อีก 1 ชุด แต่ชุดนั้นผู้ก่อเหตุต้องการหนีออกมาด้วย เลยกราดยิงออกมาด้านหน้า เสียงดังก้องบริเวณนั้นเลย คือเราอยู่บนรถ เจ้าหน้าที่ตะโกนให้ “หมอบๆๆๆ”
- จนหลุดพ้นออกมาจากตรงนั้นได้ เขาก็สอบถามรายละเอียดหลายๆอย่างทั้งคนซ่อน ผู้ก่อเหตุ แล้วปล่อยตัวเรากลับ มีพี่แกร๊ป พี่วินมารอรับกลับบ้านฟรีด้วย
- คืนนั้นทั้งคืน รถพยาบาล รถตำรวจ เสียงกระสุนดังอยู่เป็นระยะๆ มีทั้งคนเจ็บ และคนตาย
- เรากลับมาบ้าน แม่มายืนหน้าประตู แม่วิ่งเข้ามากอด ร้องไห้เลย
- เหตุการณ์เมื่อวาน มันเป็นบทเรียนราคาแพงของเรา ของหลายๆคน และของทุกภาคส่วนจริงๆ สิ่งที่ดูและเห็นว่าสนุกภายในหนัง สถานการณ์จริงๆมันไม่ใช่เลย 3 ชั่วโมงกว่าๆ ที่ซ่อนตัวอยู่คือ มันนานมากก เหมือน 3 วัน ลุ้นทุกนาทีว่า ผู้ก่อเหตุจะยิงเข้ามาเมื่อไร เขาจะเจอเรามั้ย เราจะรอดมั้ย มันน่ากลัวมากก โดยเฉพาะตอนเขาเดินผ่าน แทบกลั้นหายใจ
- เราทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า เราเป็นชุดแรกที่เขาเข้าไปช่วย และเป็นช่วงแรกของเหตุการณ์นี้ที่เริ่มปะทะกับผู้ก่อเหตุ และผู้ก่อเหตุเริ่มรู้ตัวแล้วว่า เจ้าหน้าที่แอบเข้ามาเพื่อนำคนออกไป
- ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสี่ยงชีวิตมาช่วยเรา ขอบคุณพี่อำนาจที่ช่วยเราแบบไม่คิดชีวิต หลับให้สบายนะคะ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2871358506258441&id=100001529586415
วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)